“สิงห์ เอสเตท” เดินหน้ารุกธุรกิจปี 2566 ผ่านแนวคิด “S EXCELS” ตั้งเป้าดันรายได้รวมสูงขึ้น 34% จากปีก่อน หรือกว่า 16,700 ล้านบาท ด้านกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย เตรียมเปิด 2 แบรนด์ใหม่ จำนวน 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโรงแรมปีนี้เตรียมเปิด So มัลดีฟส์ โรงแรมหรู 6 ดาว ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ เกาะ 3 เจาะนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเข้าพักรวมแตะระดับ All-time High ที่ 75% คาดรายได้โตทะลุหมื่นล้าน และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเตรียมพร้อมโตก้าวกระโดดด้วยยอดการโอนที่ดินเพิ่มเป็น 2 เท่าตัว

  

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ กล่าวว่า แผนธุรกิจปี 2566 เป็นปีที่สำคัญมากของสิงห์ เอสเตท โดยจะใช้กลยุทธ์ “S EXCELS” เพื่อสร้างความเป็นเลิศในทุกมิติ โดยวางเป้ากำไรสู่ All-time High ในทุกพอร์ตธุรกิจ โดยปีนี้ตั้งเป้าสร้างรายได้รวมของบริษัทให้เติบโตขึ้นสูงถึง 34% หรือมีมูลค่าแตะ 16,700 ล้านบาท พร้อมเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เน้นการสร้าง Synergy ที่เกื้อหนุนกันระหว่าง 4 ธุรกิจ และความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อสร้างการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ตลอด 3 ปี และกำหนดแผนอนุรักษ์ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณธุรกิจตั้งอยู่ตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573  และเตรียมงบลงทุนรวมราว 6,000 – 7,000 ล้านบาท โดยเน้นไปที่โครงการที่พักอาศัย ราว 3,000 – 4,000 ล้านบาท, นิคมอุตสาหกรรม 1,000 ล้านบาท และโรงแรม ราว 1,000 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย เตรียมเปิด Flagship Cluster Home Project เริ่ม 550 ล้าน เจาะทำเลใจกลางเมือง

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ปีนี้เตรียมเปิด 2 แบรนด์ใหม่ จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ราคาตั้งแต่ 15-50 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ และเปิดตัว Flagship Cluster Home Project ซึ่งเป็น Flagship โครงการที่สองต่อจากสันติบุรี เรสซิเดนเซส โดยจะเป็นคลัสเตอร์โฮม 2 หลัง ที่มีคอนเซปต์น่าสนใจ บนทำเล CBD สุขุมวิท มีระดับราคาเริ่มต้นสูงถึง 550 ล้านบาทต่อหลัง ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้กลางปีนี้

ส่วนคอนโดฯ ได้เตรียมซื้อหุ้นในโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 จากฮ่องกงแลนด์ ทั้งหมด เพื่อสร้างรับรู้รายได้และกำไรจากโครงการดังกล่าวเต็ม 100% เพื่อรับลูกค้ากลุ่ม Ready-to-move-in โดยคาดว่าโครงการที่พักอาศัยในปีนี้ จะมีรายได้ที่เติบโตขึ้นกว่า 70%

กลุ่มอสังหาฯให้เช่า มั่นใจ “เอส โอเอซิส” เจาะดีมานด์ออฟฟิตให้เช่าฝั่งวิภาวดี อัตราการเช่าสูง 90%

 สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า มีสัญญาณฟื้นตัวดีด้วยกลยุทธ์โมเดลธุรกิจ Right sizing ด้วยพื้นที่ให้เช่าที่หลากหลาย กับโมเดลจัดสรรพื้นที่ให้เช่าพร้อมใช้งาน ซึ่งในปีนี้ ตั้งเป้าผลประกอบการเพิ่มขึ้น 20% ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่สูงกว่า 90% ในทุกโครงการ อาทิ สิงห์ คอมเพล็กซ์, ซันทาวเวอร์ส, เอส เมโทร และเอส โอเอซิส บนถนนวิภาวดีรังสิต ที่จะเจาะตลาดความต้องการของลูกค้าในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน และคมนาคม พร้อมเซ็นสัญญาผู้เช่ารายใหญ่ในไตรมาส 2 ปีนี้

 กลุ่มธุรกิจโรงแรม เตรียมเปิดตัว SO/ Maldives โรงแรมหรู 6 ดาว ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ เจาะลูกค้ากระเป๋าหนัก 

สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ หรือ ‘SHR’ ปีนี้โรงแรมในเครือที่ประเทศไทยทั้ง 4 แห่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ คาดรายได้เติบโตถึง 60% จากปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้จากโรงแรมในมัลดีฟส์จะเติบโตขึ้น 30% หนุนรายได้รวมทะลุ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 20% จากปี 65 ที่มีรายได้ 8,693 ล้านบาท ซึ่งในช่วงปลายปีจะมีการเปิดตัว SO/ Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์หรูระดับ 6 ดาว ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ เพื่อเสริมความต้องการห้องพักหรู ระดับราคา 700 – 1,000 ดอลลาห์สหรัฐ /คืน เป็นความร่วมมือระหว่าง SHR และพันธมิตรทางธุรกิจ คาดผลประกอบการจะสร้างกำไรให้กับบริษัทฯ ในระยะยาวได้ในอีกทางหนึ่ง

ปีนี้เน้นการเติบโตของอัตราการเข้าพักรวมแตะระดับ All-time High ที่ 75%  ซึ่งจะมีการปรับปรุงโรงแรมในอังกฤษ 3 แห่ง, ในฟิจิ ในภูเก็ต และพีพี เพื่อยกระดับโรงแรมในเครือ ช่วยเสริมแกร่งผลประกอบการ สนับสนุนให้ SHR สามารถครองตำแหน่งผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของไทยอย่างต่อเนื่อง

 กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าโอนพื้นที่ขาย 2 เท่าภายในปีนี้ 

สำหรับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากปี 65 ที่มีการโอนไปแล้ว  77 ไร่  โดยคาดว่าแรงหนุนสำคัญมาจากปัจจัยมหภาค โดยบีโอไอคาดระดับการลงทุนจากต่างประเทศคงตัวได้ที่ราว 5-6 แสนล้านบาท ความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และจุดแข็งของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานและน้ำจำนวนมาก และธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตเป็นเงื่อนไขเพื่อขยายสู่ตลาดระดับสากล เนื่องจากนิคมตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลางระหว่างแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางการขนส่ง มีแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ แหล่งไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ และมีโรงไฟฟ้า 3 แห่งภายใต้ความร่วมมือกับ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ซึ่งจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุดครบ 400 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าจะผลักดันส่วนแบ่งกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้ในระยะยาว

ผนึกกำลังพันธมิตร เสริมแกร่งให้ธุรกิจติด Speed

นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนจับมือพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกเครือสิงห์ เอสเตท โดยธุรกิจที่พักอาศัย มุ่งก้าวเข้าสู่ตลาด Branded Residence ผ่านการร่วมมือกับ SHR ซึ่งทำให้รุกตลาดได้เร็วและปรับตัวไว รวมถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของโรงแรมในเครือ SHR ทั้งในประเทศไทยและมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นการร่วมมือกับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน รวมพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ราว 3 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี โครงการดังกล่าวนอกจากจะช่วยสร้างผลงานที่น่าเชื่อถือให้ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ธุรกิจโรงแรมก็สามารถบริหารต้นทุนทางพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายการใช้พลังงานสะอาดไปยังโครงการที่มีศักยภาพอื่นๆ ของบริษัทฯ ในระยะข้างหน้าอีกด้วย ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าจะเริ่มพัฒนาโครงการ Flex Space ในอาคารสำนักงานของบริษัทฯ เป็นลำดับแรก

ขณะที่กลยุทธ์สร้างการเติบโตแบบ Speed to Market ของธุรกิจโรงแรมคือ Asset Light Model ซึ่งจะตอบโจทย์การบริหารเงินลงทุนอย่างคุ้มค่าและมีจุดเด่นด้านความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสูง โดยความแตกต่างที่สร้างให้ SHR โดดเด่นจากเครือโรงแรมอื่น คือการรับบริหารจัดการโรงแรมอื่นๆโดยไม่ได้จำกัดเฉพาะแบรนด์ ทราย (“SAii”) ซึ่งเป็น Homegrown brand ผ่านสัญญาบริหารจัดการโรงแรม (Hotel Management Agreement) แต่รวมถึงการรับบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์โรงแรมอื่น (Third Party Operator) อีกด้วย

การผนึกความแข็งแกร่งของธุรกิจในเครือ สิงห์ เอสเตท ผสานความร่วมมือจากพันธมิตรชั้นนำ จะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญในการสร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจ เสริมศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนเพิ่มความเร็วในการตอบสนอง ส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้านี้

สำหรับผลประกอบการในปี 65 บริษัทฯ สร้างรายได้ 12,500 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 62% โดยมีปัจจัยหลายประการที่ช่วยเกื้อหนุนการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นยอดจองและยอดโอนกรรมสิทธิ์ภายในปี 2565 ของโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ซึ่งสูงถึง 77% และ 30% ตามลำดับ นับเป็นความสำเร็จอย่างงดงามที่เกิดขึ้นเพียง 1 ปี หลังปรับโครงสร้างธุรกิจและรุกเข้าสู่การพัฒนาบ้านแนวราบอย่างเต็มตัว

ธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ SHR สามารถทำรายได้ทะลุเป้าหมายอยู่ที่ 8,700 ล้านบาท ขึ้นแท่นผู้ประกอบการโรงแรมในไทยที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ด้วยความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ผนวกกับแรงหนุนจากการเปิดประเทศ ส่งผลให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Rate: ADR) ปรับเพิ่มขึ้นได้กว่า 28% จากปีก่อนหน้า กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ มีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy) ที่ไต่ระดับสูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในปีก่อนได้กว่า 77 ไร่