ความคืบหน้าของการกระจาย “วัคซีน” และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องในเศรษฐกิจหลักจากรัฐบาล ที่คาดว่าจะมีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะผ่านจุดต่ำสุด ซึ่งส่งผลบวกต่อภาพการส่งออกไทยมากขึ้น รวมถึงการแผนการทำการตลาดเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทย ผ่านแคมเปญ และกิจกรรมต่างๆ แม้ตลาดต่างชาติจะเข้ามาเที่ยวไทยได้ไม่มากนัก และยังต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวไทย แต่เหล่านี้ก็ล้วนเป็นสัญญาณที่ดี เป็นความหวังที่จะสามารถช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ในปีนี้

 

“วัคซีน” สร้างความเชื่อมั่น “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คงประมาณการ GDP ไทย 2.6%

            กรอบประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 64 ที่ 2.6% ซึ่งปรับกรอบประมาณการจากเดิมที่ 0.0-4.5% มาที่ 0.8%-3.0% นั้น สะท้อนความเสี่ยงขาลงต่อเศรษฐกิจที่ลดลง ตามความคืบหน้าของวัคซีนโควิด19 ซึ่งการปรับลดกรอบบนสะท้อนภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังต้องใช้เวลา และช้ากว่าเศรษฐกิจโลก จากการพึ่งพิงรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติสูง แปรผันตามความก้าวหน้าของการกระจายวัคซีน และการเปิดรับนักท่องเที่ยวของไทยเป็นสำคัญ

            อัตราการฉีดวัคซีนของตลาดสำคัญ 10 แห่ง ไปถึงช่วงเดือนกันยายน ประเมินได้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจาก 10 ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน ยุโรปตะวันตก สหรัฐฯ รัสเซีย เอเชียและอาเซียนบางประเทศ อาจทำได้ราว 1.9 ล้านคน เมื่อรวมกับช่วง 9 เดือนแรกของปี จำนวนนักท่องเที่ยวอาจแตะถึง 2 ล้านคนในปีนี้ ภายใต้เงื่อนไขวัคซีนพาสปอร์ตสามารถดำเนินการได้ หรือการเดินทางระหว่างประเทศมีข้อจำกัดน้อยลง

            ดังนั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไทย ผู้เกี่ยวข้องในภาคการท่องเที่ยวจะต้องได้รับวัคซีน โดยประเมินจากการจ้างงานในธุรกิจโรงแรม พื้นที่ 20 จังหวัดที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าอาจต้องการวัคซีนอย่างน้อย 2.2 แสนโดส ก่อนเดือนตุลาคม

 

 

ธุรกิจท่องเที่ยว เสนอ เร่งหาทางออก “เลิกกักตัว”

            กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เสนอรัฐฯ เร่งหาทางออก ยกเลิกมาตรการ “กักตัว หรือ ลดวันกักตัว” ซึ่งนัดประชุมหารือร่วมกัน 5-6 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กระทรวงการต่างประเทศ  ในวันที่ 16 มีนาคมนี้ เพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการใช้แอปพลิเคชั่นเชื่อมโยงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับคนต่างชาติเข้าประเทศไทย ทั้งข้อมูลเอกสารราชการ รวมถึงติดตาม รายงาน ข้อมูลการฉีดวัคซีน และการรับรองว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามานั้นปลอดเชื้อไวรัสโควิด

สัญญาณบวกลดระยะเวลากักตัว ดันธุรกิจท่องเที่ยวไทย คาด นทท.ทะลุ 8 ล้านคน

            นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ผลักดันมาตรการ area quarantine เป็นรูปแบบกักตัวในสถานโรงแรมในช่วง 3 วันแรก หากผลการตรวจโควิดมีผลเป็นลบจะอนุญาตให้เที่ยวภายในพื้นที่โรงแรม หรือรีสอร์ตนั้น ในช่วงเวลาที่เหลือของการกักตัว 14 วัน หากครบ 14 วันแล้วตรวจไม่พบเชื้อก็สามารถออกเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้

            "มาตรการนี้ ใช้ในพื้นที่ 5 จังหวัดเมืองท่องเที่ยวหลัก ภูเก็ต, กระบี่, เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี, พัทยา ชลบุรี และเชียงใหม่ ที่รัฐบาลได้ทำการทยอยฉีดวัคซีนในเฟสแรก คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในเดือนมีนาคม และเริ่มใช้จริงในเดือนเมษายนนี้"

            ด้านที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 ได้มีมติเห็นชอบลดวันกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพราะมองว่าทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 250 ล้านคน ซึ่งชาวต่างชาติและคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทาง และมีเอกสารรับรองว่าปลอดโควิดใน 72 ชั่วโมง มีเอกสารลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน และต่างชาติที่ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน มีเพียงเอกสารรับรองว่าปลอดเชื้อ 72 ชั่วโมง ลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน

 

“เที่ยวแบบไม่กักตัว” ความหวังฟื้นธุรกิจเที่ยวไทย ฟันรายได้ 5 แสนล้าน

            นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) บอกว่า สมาคมจะส่งหนังสือถึง สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงการท่องเที่ยวฯ, สาธารณสุข, ททท. และ ศบค. เพื่อให้พิจารณาการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวภายในสัปดาห์นี้ พร้อมทั้งให้ข้อมูลถึงความจำเป็นที่ประเทศจำเป็นต้องเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแบบไม่กักตัว

            โดยเสนอให้รัฐบาลทยอยเลิกใช้มาตรการกักตัวสำหรับตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำก่อนในเดือนมิถุนายน เป็นการทดลองเปิด และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามความเหมาะสมในเดือนถัดไป และเต็มรูปแบบในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ภาคเอกชนอยากขอให้รัฐบาลประกาศไทม์ไลน์ที่ชัดเจน เพื่อให้ภาคเอกชนเตรียมความพร้อมด้านซัพพลายได้อย่างเหมาะสม

หากรัฐบาลเริ่มทยอยยกเลิกมาตรการกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าจะทำให้ปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 8 ล้านคน คิดเป็นรายได้รวมประมาณ 5 แสนล้านบาท  

“ยิ่งประกาศเร็ว ประเทศไทยจะยิ่งได้เปรียบ และกระตุ้นให้ต่างชาติกลับมาได้เร็วขึ้น หากรัฐบาลประกาศเลิกกักตัวเดือนกรกฎาคม คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านคน และถ้าประกาศใช้เดือนตุลาคม คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ไม่น่าจะถึง 3 ล้านคน”