ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎหมายเก็บภาษี “อี-เซอร์วิส” จากผู้ให้บริการต่างประเทศ “เฟซบุ๊ก-กูเกิล-ยูทูบ-เน็ตฟลิกซ์-ฯลฯ”  ด้านอธิบดีสรรพากรชี้จะมีผลเริ่มเก็บภาษีในอีก 180 วัน กรมมีรายได้เพิ่ม 5 พันล้านบาทตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 นี้ เร่งถกผู้ประกอบการวางระบบจ่ายภาษีเน้น “ง่ายที่สุด”

          เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.2567 ซึ่งจะเป็นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากผู้ให้บริการต่างประเทศ กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศที่มีรายได้ในประเทศไทย โดย พ.ร.บ. จะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่บทบัญญัติที่มีผลแก้ไขเปลี่ยนแปลงการเสียหรือนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม กำหนดให้ใช้บังคับสำหรับรายรับหรือการจ่ายเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 7 ถัดจากเดือนที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือในอีก 6 เดือนข้างหน้า

          นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ตอนนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างพูดคุยกับผู้ประกอบการต่าง ๆ เพื่อจัดทำระบบการจ่ายภาษีให้ง่ายที่สุด หลังกฎหมายลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาจะมีเวลาอีก 180 วัน ก่อนจะมีผลกับการเก็บภาษี โดยกรมคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2564 นี้ จะมีรายได้เพิ่มจากการเก็บภาษีตัวนี้เข้ามาก่อนเดือน ก.ย. ซึ่งเราประเมินไว้ที่ 5,000 ล้านบาท”  เนื่องจากขณะนี้พฤติกรรมผู้บริโภคมีการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก

         โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากแพลตฟอร์มดิจิทัลจากต่างประเทศ เป็นเรื่องที่หน่วยงานจัดเก็บภาษีทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ เพราะต้องการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศที่ต้องเสียภาษี โดยขณะนี้มีประเทศที่บังคับใช้กฎหมายแล้วกว่า 60 ประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เป็นต้น

          สำหรับกฎหมายดังกล่าวเป็นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากผู้ให้บริการต่างประเทศที่เข้ามาให้บริการ e-Service ในประเทศไทย อาทิ เฟซบุ๊ก, กูเกิล, ยูทูบ, เน็ตฟลิกซ์ รวมถึงผู้ให้บริการดาวน์โหลดเกมออนไลน์, แอป และสติ๊กเกอร์ เป็นต้น โดยจะเก็บในอัตรา 7% ต่อปี ซึ่งวิธีการเสียภาษีของผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศให้เสียภาษีจาก “ภาษีขาย” โดยไม่ให้นำภาษีซื้อมาหัก นอกจากนี้ ในกรณีผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ให้บริการผ่านทางแพลตฟอร์ม และแพลตฟอร์มทำหน้าที่เป็นผู้ส่งมอบบริการ การชำระค่าบริการ หน้าที่เสียภาษีจึงเป็นของแพลตฟอร์ม ซึ่งกรมมั่นใจว่าผู้ให้บริการข้ามชาติรายใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียง พร้อมจะจ่ายภาษีนี้