29 พ.ย. 2562 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2562 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” โดยให้การสนับสนุนเงินดาวน์ 50,000 บาท แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งสามารถเข้าร่วมโครงการโดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com ได้ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2562 เวลา 8.00 น. จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563 และจะต้องได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินและจดจำนองตั้งแต่วันที่27 พ.ย. 2562 จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563 คนละ 1 สิทธิ์ (1 บัตรประชาชนต่อ 1 สิทธิ์) โดยจำกัดผู้ได้รับสิทธิ์จำนวน 1 แสนราย

           ทั้งนี้ คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีตัวตนในฐานข้อมูลของกรมการปกครอง อยู่ในฐานภาษีของกรมสรรพากร มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อเดือน หรือ 1.2 ล้านบาทต่อปี และต้องมีบัญชีเงินฝากธนาคารพร้อมลงทะเบียนพร้อมเพย์ที่ผูกติดกับบัตรประชาชน เมื่อลงทะเบียนแล้วจะได้รับการยืนยันภายใน 3 วัน ว่ามีคุณสมบัติที่จะได้รับเงินดาวน์ โดยจากข้อมูลของกรมสรรพากรมีผู้อยู่ในระบบภาษี 11 ล้านคน มีคนที่รายได้ไม่ถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี จำนวน 10 ล้านคน

           หลังจากนั้น ผู้ได้สิทธิ์ต้องทำการซื้อโอนบ้านใหม่จากผู้ประกอบการที่มีอยู่ขณะนี้ 2.7 แสนยูนิต ไม่จำกัดว่าต้องเป็นบ้านหลังแรก หรือ/และไม่จำกัดราคาบ้าน แต่ต้องเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จในโครงการเท่านั้น เมื่อทำนิติกรรมกู้และโอนกับสถาบันการเงินได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สถาบันการเงินจะส่งชื่อผู้กู้เข้าระบบอีกครั้ง เพื่อให้อยู่ในจำนวน 1 แสนคนแรกที่ได้สิทธิ์ คืนเงิน 5 หมื่นบาท จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ภายใน 2 วันทำการ

           "มาตรการนี้จะทำให้เกิดการเร่งตัดสินใจซื้อและการโอนบ้าน ทำให้ผู้ประกอบการมีเงินไปหมุนเวียนโครงการใหม่ ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งโครงการนี้รัฐบาลต้องการให้คนมีบ้านอยู่และแก้ปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ขายไม่ได้ ทำให้ไม่เกิดการลงทุนใหม่ จากมาตรการเชื่อว่าจะมีคนใช้สิทธิ์เต็มภายใน 4 เดือน" นายลวรณ กล่าว

           นายลวรณ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้มีการประชุมร่วมกับ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุดไทย ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทั้ง 3 สมาคมได้ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนโครงการ รวมถึงพร้อมมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยสนับสนุนประชาชนผู้ซื้อที่อยู่อาศัย เช่น บางโครงการได้ช่วยสนับสนุนค่าธรรมเนียมการโอน 0.01% และค่าจดจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป เป็นต้น

           นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้มีการประชุมร่วมกับสถาบันการเงิน จำนวน 19 แห่ง เพื่อชี้แจงรายละเอียดหลักเกณฑ์ แนวทางในการปฏิบัติ และแนวทางการตรวจสอบ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อีกทั้ง สถาบันการเงินของรัฐทุกแห่ง ได้แก่ ธอส. ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เข้าร่วมโครงการ “บ้านดีมีดาวน์”

           อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินของรัฐได้มีการออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อให้สอดรับกับมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2562 ระยะที่ 2 ที่ได้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยจากความร่วมมือระหว่างธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว จะช่วยให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐสามารถบรรลุเจตนารมณ์ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ให้มีการขยายตัวอย่างมีศักยภาพในปี 2563 ต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net