29 พ.ย.2562 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือว่า เตรียมเปิดทดลองเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือส่วนต่อขยายช่วงสถานีห้าแยกลาดพร้าว-มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวม 4 สถานี ได้แก่ สถานีพหลโยธิน 24 (N10) สถานีรัชโยธิน (N11) สถานีเสนานิคม (N12) และสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (N13) โดยจะเปิดให้ประชาชนขึ้นฟรีไม่คิดค่าโดยสาร ระหว่างวันที่ 4 ธ.ค.2562- 2 ม.ค. 2563 นี้

           อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) ได้มอบหมายนโยบายให้เปิดทดลองเดินรถต่อเนื่องอีก 4 สถานีได้แก่ สถานีกรมป่าไม้, สถานีบางบัว, สถานีกรมทหารราบที่ 11, สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ก่อนจะเปิดบริการครบทุกสถานีช่วง หมอชิต-คูคต ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2563 อย่างไรก็ตามในวันที่ 4 ธ.ค.นี้จะเชิญ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาทำพิธีเปิดเวลา 10.00 น.ก่อนเปิดให้ประชาชนทั่วไปทดลองใช้ช่วงเวลา 13.00 น. ในวันเดียวกัน

           พล.ต.อ.อัศวินกล่าวต่อว่า ด้านการเจรจาต่อขยายสัญญาสัมปทานเดินรถไฟฟ้าให้กับ BTS นั้นอยู่ระหว่างเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนส่งต่อไปยัง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรีและเสนอไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยยึดเงื่อนไขการเจรจาหลักคือค่าโดยสารไม่เกิน 65 บาทตลอดสาย และ บีทีเอสต้องรับโอนหนี้สิน ราว 100,000 ล้านบาท ซึ่งอัตราค่าโดยสารนี้จะใช้ตลอดอายุสัมปทานไม่มีการปรับราคาขึ้นตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) เหมือนอย่างที่ผ่านมา

           “กทม.จะไม่ยอมให้ประชาชนเสียเปรียบ แบกรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่แพงเกินไป จึงได้ยื่นคำขาดค่าโดยสารไม่เกิน 65 บาท ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงในราคาที่ยอมรับได้” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงจาก บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดเผยว่าร่างสัญญาต่อขยายสัมปทานบีทีเอสนั้นจะมีการเสนอครม.ภายในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อให้ได้รับความเห็นชอบ ก่อนเริ่มเก็บค่าโดยสารอัตราใหม่ไม่เกิน 65 บาทตลอดสาย ในวันที่ 3 ม.ค.2563 ซึ่งจะเป็นวันแรกหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาทดลองเดินรถสายสีเขียวเหนือช่วง ห้าแยกลาดพร้าว-ม.เกษตร
สำหรับการขยายอายุสัมปทานอยู่ที่40 ปี ได้แก่สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-อ่อนนุชและช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสินขณะที่อีกสัญญาคือสัมปทานเดินรถส่วนต่อขยาย ช่วงอ่อนนุช-แบริ่งและสะพานตากสิน-บางหว้า โดยจะเริ่มนับสัญญาสัมปทานในปีแรกคือ ปี 2573 และหมดสัญญาในปี 2603 รวมระยะเวลาจากปัจจุบัน (2562) ทั้งสิ้น 40 ปี โดยมีเงื่อนไขสำคัญในการแลกเปลี่ยน 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.ค่าโดยสารตลอดสายต้องไม่เกิน 65 บาท 2. BTS ต้องรับภาระทรัพย์สิน หนี้สินและดอกเบี้ยของโครงการช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่ - คูคต รวมวงเงินทั้งสิ้น 1 แสนล้านบาท3.คิดค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว 14-15 บาท 4.บีทีเอสลงทุนค่าติดตั้งอาณัติสัญญาณในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย อย่างไรก็ตามเรื่องของการอุดหนุนจากภาครัฐ(Subsidy) อยู่ระหว่างเจรจาต่อไป

           สำหรับอัตราค่าโดยสารใหม่นั้นจะคิดตามเดิมแบบรายสถานี คือ ช่วงสายสีเขียวชั้นใน 16-44 บาท ช่วงต่อขยายด้านเหนือ-ใต้ 15-21 บาท ส่วนผู้โดยสารที่ขึ้นตลอดสายช่วง คูคต-สมุทรปราการ คิดค่าโดยสาบ 65 บาท ส่วนมติของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญา สัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) สภา ผู้แทนราษฎร ที่ลงมติร่วมกันต่อต้านการขยายสัมปทานให้บีทีเอสนั้น รัฐบาลยืนยันว่าจะยึดแนวทางตามเดิมคือเจรจาต่อขยายสัมปทานตามที่ ม.44 กำหนดไว้ จึงจะไม่มีการล้มโต๊ะเจรจาและพร้อมเสนอร่างสัญญาให้ครม.อนุมัติในเดือนหน้า

           ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันความคืบหน้าการก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จเกือบ 100 % ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบเดินระบบรถไฟฟ้าและเก็บรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ที่ผ่านมาบีทีเอส ได้ดำเนินการทดลองเดินรถเปล่าเพื่อทดสอบระบบอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 เดือน ยังไม่พบปัญหาใดๆ

           ทั้งนี้ สำหรับลักษณะโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เป็นทางยกระดับตลอดเส้นทาง ระยะทางรวมประมาณ 19 กิโลเมตร ประกอบด้วย 16 สถานี ได้แก่ สถานีห้าแยกลาดพร้าว, สถานีพหลโยธิน 24, สถานีรัชโยธิน, สถานีเสนานิคม, สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ถานีพหลโยธิน 59, สถานีสายหยุด, สถานีสะพานใหม่, สถานี รพ.ภูมิพลอดุลยเดช, สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ, สถานีแยก คปอ. และสถานีคูคต

           สำหรับจำนวนขบวนรถไฟฟ้าที่บริษัทฯให้บริการในระบบปัจจุบันมีทั้งสิ้น 84 ขบวน ส่วนขบวนใหม่ที่ได้ทำสัญญาจัดซื้อ จำนวน 46 ขบวน จากบริษัทซีเมนส์ จำกัด จำนวน 22 ขบวน ได้รับมอบครบทั้งหมดแล้ว และจากบริษัท ซีอาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล จำนวน 24 ขบวน ขณะนี้รับมอบแล้วจำนวน 10 ขบวน เหลืออีก 14ขบวน จะส่งมอบแล้วเสร็จภายในมีนาคม 2563ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีขบวนรถไฟฟ้าที่สามารถรองรับการให้บริการ รวมทั้งหมด 98ขบวน ซึ่งจะช่วยให้การเดินรถทุกเส้นทางมีประสิทธิภาพสูงสุด

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net