นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2562 มีมติเห็นชอบในการปรับกรอบการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของรัฐ(บ้านล้านหลัง) โดยเห็นชอบในการขอวงเงินเพิ่ม 789.66 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสนับสนุนดอกเบี้ยของผู้กู้ในช่วง 3 ปีแรก แบ่งเป็น 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน และกลุ่มที่มีรายได้เกิน 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งทำให้ใช้เงินทั้งหมดในงบประมาณปี 62 เป็น 4,666.31 ล้านบาท จากเดิมที่ใช้เงินที่ 3,876.65 ล้านบาท

          ทั้งนี้เพราะหลังจากที่มีการเปิดรับสมัครผู้ต้องการซื้อบ้านเข้ามาจองสิทธิ์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา และมีการสรุปตัวเลขผู้ที่เข้ามาใช้สิทธิ์พบว่าผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 25,000 บาทต่อเดือนนั้นมีการสมัครเข้ามามากกว่าเป็นรวมเป็นเงินที่ 112,064 ล้านบาท ขณะที่ผู้ที่มีรายได้เกิน 25,000 บาทเข้ามาจองสิทธิ์เป็นเงิน 14,038 ล้านบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับการตั้งเงื่อนไขครั้งแรกที่จะสนับสนุนงบประมาณ 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท จะได้รับสนับสนุน 20,000 ล้านบาท และที่เหลือ 30,000 จะเป็นอีกกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 25,000 บาท


          "เมื่อเราเปิดรับสมัครแล้วเห็นว่าผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 นั้นเข้ามาใช้สิทธิ์แบะสนใจในโครงการเป็นจำนวนมาก ทำให้งบประมาณที่ตั้งไว้ตอนแรกไม่สอดคล้องกัน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นเงินก้อนเดิมที่จะใช้สนับสนุน 5 หมื่นล้านบาทนั้นจะแบ่งใหม่เป็น ให้สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทจะได้ไป 4 หมื่นล้านบาทและที่เหลือ 1 หมื่นล้านบาทจะให้กับผู้ที่มีรายได้เกิน 25,000 บาทเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น ซึ่งในระยะแรกจึงต้องมีการขอเงินเพิ่ม 789.66 ล้านบาท"นายณัฐพร กล่าว


          อย่างไรก็ตามเงื่อนไขการสนับสนุนยังคงเดิมคือผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือนจะได้รับการสนับสนุนดอกเบี้ยคงที่ 3% ตั้งแต่ปีที่ 1-5 ในขณะที่ผู้ที่มีรายได้เกิน 25,000 บาทต่อเดือนจะได้รับการสนับสนุนดอกเบี้ยคงที่ 3% ในช่วงปีที่ 1-3 เท่านั้น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.thaipost.net