เมื่อ Neil Patrick Harris อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลายถึง 20 ต้นๆ เขาดังเป็นพุแตกขึ้นมาจากซีรี่ Doogie Howser, M.D. ของอเมริกา ด้วยความสามารถที่โดดเด่น และเก่งกว่าหลายๆ คนในรุ่นเดียวกัน เขาก็กลายเป็นนักแสดงดาวรุ่งในรุ่นนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อนๆ ในฮอลลีวู้ดของ Neil นั้นชอบดื่มเหล้า เล่นยา และจัดปาร์ตี้ แต่ Neil รู้ตัวอย่างรวดเร็วว่า ชีวิตแบบนั้นมันไม่ใช่สำหรับเขา เขาเลยเริ่มใช้เวลาว่างไปกับเรื่องที่แตกต่างออกไป ตามที่กล่าวไว้ในอัตชีวประวัติของเขา เมื่อมีเวลาว่างสัก 2-3 อาทิตย์ Neil มักจะบินไปนิวยอร์คเพื่อดูละครบรอดเวย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางครั้งมากถึง 2 โชว์ต่อวันเลยทีเดียว ทำไมน่ะเหรอ? เขาอยากจะใช้เวลาว่างไปกับการดูนักแสดงระดับสุดยอดในละครเวทีชั้นนำของโลกน่ะสิ Neil รู้ว่าเขาจะซึมซับบทเรียนอันมีค่ายิ่งนี้ได้จากในทุกๆ โชว์ ซึ่งเขาก็ได้สร้างเส้นทางอาชีพนักแสดงของตัวเองขึ้นมาและกลายเป็นทั้งนักแสดงเจ้ารางวัล นักเขียน พรีเซนเตอร์ และพิธีกร

          ดังนั้น วิธีที่คุณใช้เวลาหลังเลิกงาน สิ่งที่คุณทำในตอนเย็น วันหยุดเสาร์อาทิตย์ และลาพักร้อน จะมีผลกระทบอย่างมากต่อเส้นทางอาชีพของคุณแน่นอน ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการทำงาน คุณก็ต้องใช้เวลานอกเหนือจากการทำงานอย่างมีสติและตั้งใจเช่นเดียวกัน ลองนึกถึงวันที่ผ่านๆ มา หรือช่วงวันหยุดสิคะ คุณได้ใช้เวลาว่างตรงนั้นไปกับอะไร? คุณใช้เวลาไปกับอะไรที่มันจะช่วยส่งเสริมหน้าที่การงานของคุณ หรือฉุดรั้งคุณเอาไว้กันแน่? และนี่ก็ได้เวลาทำตัวเป็นคนใหม่แล้ว! นี่เป็นลิสท์ของ 10 สิ่งที่คนประสบความสำเร็จเขาทำกันในเวลาว่าง มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

          1. พวกเขาออกกำลังกาย

          เรารู้ว่าคุณได้ยินมาเป็นร้อยครั้งแล้วล่ะ แต่เราก็ต้องพูดอีกค่ะ เพราะการออกกำลังกายเนี่ยแหละจะช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ความมั่นใจ และความยืดหยุ่น ทั้งในเวลาทำงานและชีวิตส่วนตัวได้ อย่าหลีกเลี่ยงมันอีกต่อไปเลยค่ะ การขยับร่างกายนี่มันดีต่อการทำงานจริงๆ ตัวอย่างที่ดีก็คือ Barrack และ Michael Obama ทั้งคู่ต่างก็ชอบออกกำลังกาย CEO ของ Smart ก็มาเล่นโยคกันที่ออฟฟิศและก็ทำให้บรรดาพนักงานได้เห็นด้วย หรือแม้แต่ Fred Rogers ดาราระดับตำนานก็เริ่มต้นทุกวันด้วยการว่ายน้ำนั้นเอง ถ้าอยากจะเพิ่ม productivity ในการทำงาน ลองใช้เวลาว่างไปกับการขยับร่างกายดูบ้างนะคะ

          2. พวกเขามองหาแรงบันดาลใจและประสบการณ์ใหม่ๆ

          Neil Patrick Harris ไปดูละครบรอดเวย์ และ Elizabeth Gillbert นักเขียนชื่อดังก็ออกไปเที่ยวรอบโลก ดังนั้น Danielle LaPorte นักเขียนและผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจและความคิดสร้างสรรค์แนะนำให้ออกไปจากชีวิตเดิมๆ ที่มีอยู่ ถ้าเป็นพ่อครัว ก็ลองออกไปเดินเล่นที่พิพิธภัณฑ์ ถ้าเป็นจิตรกร ก็ลองไปกินข้าวที่ร้านอาหาร 5 ดาวในโรงแรมบ้าง ลองมองหาแรงบันดาลใจจากที่ต่างๆ ที่คุณไม่คุ้นเคยดู การเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะในที่เดิมที่เคยอยู่หรือไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ จะปลดล็อคสมองของคุณและทำให้คุณกลายเป็นนักแก้ปัญหาที่มีความคิดสร้างสรรค์แบบสุดๆ ไปเลยล่ะ การเป็นคนติดบ้านอาจจะฟังดูดี แต่คนที่มีความคิดล้ำหน้าชาวบ้าน คนเก่งๆ และ CEO เขาไม่ใช่คนขี้เกียจ นอนหมกโซฟาอยู่บ้านกันทั้งวันอย่างแน่นอน

          3. พวกเขาสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง

          Thoman Jefferson ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐอเมริกานั้นโด่งดังในเรื่องของการจัดปาร์ตี้มากๆ เพราะเขาจะเชิญผู้คนที่เขาคิดว่าน่าสนใจมาร่วมรับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเขาจะตั้งคำถามที่ลึกซึ้งและเป็นปรัชญาให้ทุกคนในโต๊ะตอบ ไม่มีการพูดคุยแบบ small talk ใดใดทั้งสิ้น! เพราะว่า เขาเข้าใจถึงคุณค่าของความสัมพันธ์เป็นอย่างดี ความสัมพันธ์จริงๆ แบบพูดคุยเห็นหน้าและลึกซึ้งกว่าการพูดคุยแบบทั่วๆ ไปอย่าง “วันนี้อากาศดีนะ” ครั้งสุดท้ายที่คุณได้พูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ลึกซึ้ง มีความหมาย และไม่มีอะไรมารบกวน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท หรือที่ปรึกษา คือเมื่อไหร่กันคะ? ลองศึกษาจาก Jefferson แล้วจัดปาร์ตี้แบบนี้ที่บ้านคุณบ้างก็คงจะดีไม่ใช่น้อย เพราะความสัมพันธ์และไอเดียเหล่านี้จะสามารถพลิกหน้าการทำงานของคุณได้เลยนะ

          4. พวกเขาปฏิเสธ (เยอะมาก)

          ครั้งหนึ่ง Steve Jobs เคยกล่าวว่า “ผู้คนคิดว่าการโฟกัสหมายถึงการตอบตกลงกับอะไรก็ตามที่คุณสนใจอยู่ แต่นั่นไม่ใช่เลย ความหมายที่แท้จริงก็คือการปฏิเสธความคิดดีๆ อีกหลายร้อยอันที่ไม่เกี่ยวข้องต่างหาก คนที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าเขาไม่สามารถทำทุกอย่าง ไปทุกที่ และช่วยเหลือทุกคนได้ในหนึ่งวัน หรือในหนึ่งชีวิต เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำโปรเจคได้ทุกโปรเจค เขาไม่สามารถไปงานปาร์ตี้ได้ทุกงาน หรือแม้แต่คำของ่ายๆ จากเพื่อนก็ตาม พวกเขาต้องเลือกสนามต่อสู้อย่างระมัดระวังและหลีกเลี่ยงที่จะพยายามทำหลายๆ พร้อมกันจนมันออกมาไม่ดีสักอย่าง และเคล็ดลับง่ายๆ เวลาที่มีคนมาขอความช่วยเหลือก็คือ ถามตัวเองว่า “การตอบตกลงที่จะช่วยนี้จะทำให้เราประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่เราวางไว้ได้ง่ายขึ้น หรือยากขึ้นกันแน่?”

          5. พวกเขาใช้เวลากับธรรมชาติ

          เคยได้ยินคำว่า “Nature deficit disorder” หรือโรคขาดธรรมชาติบ้างไหมคะ? วลีนี้ได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดย Richard Louv ในหนังสือของเขาที่ชื่อว่า “Last child in the Woods: Saving Our Children From Nature-Deficit Disorder” ซึ่ง Richard รู้สึกว่า พฤติกรรมอินดอร์ของเราๆ เนี่ย มันเกี่ยวพันกับปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมในหลายๆ ด้านเลยแหละ มันอยากที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทั้งชีวิตส่วนตัวและทั้งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเอาแต่หายใจเอาอากาศจากแอร์เข้าไปและทำงานอยู่ใต้แสงฟลูออเรสเซนต์ตลอดทั้งอาทิตย์ นั่นไม่ใช่ชีวิตในอุดมคติเลยล่ะค่ะ ผู้คนที่มีความทะเยอทะยานมักจะใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติและมีชีวิตเอาท์ดอร์บ้าง ปล่อยให้ความสวยงามของธรรมชาติตอบๆตัว รวมไปถึงโอกาสดีๆ อย่างการเดินป่า ปีนเขา เล่นสกี หรือโต้คลื่น นั้นเติมพลังให้ตัวเอง

          6. พวกเขาถอดปลั๊ก

          ผู้คนมากมายต่างก็ปรารถนาที่จะมีเวลา “ถอดปลั๊ก” ในวันธรรมดาหรือวันหยุด ซึ่งหมายความว่า ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ไม่มีไวไฟ ไม่มีอีเมล และไม่มีโซเชียลมีเดีย ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้จะทำให้ร่างกายและจิตใจของคุณกลายเป็นคนใหม่ มันถึงกับมีการสร้างแคมเปญวันถอดปลั๊กแห่งชาติเลยนะคะ! Oprah Winfrey (ซึ่งมีคนถกเถียงกันว่าเธอเป็นบุคคลที่ยุ่งที่สุดในโลกจริงๆ หรือเปล่า) นั้นยังต้องหาเวลาว่างในตอนเช้าวันอาทิตย์ไว้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่มหรือนอนเล่นสบายๆ ในชุดนอนของเธอ เป็นเวลาพักผ่อนและถอดปลั๊กจากเทคโนโลยีต่างๆ อย่างแท้จริงเลยล่ะ ซึ่ง Oprah กล่าวว่า “ฉันจะให้วันอาทิตย์เป็นเวลาสำหรับการเริ่มต้นใหม่ วันที่ฉันจะไม่ทำอะไรเลยจริงๆ” เทคโนโลยีนั้นมหัศจรรย์ แต่คนที่ประสบความสำเร็จเขาก็รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะต้องพักบ้างนะคะ

          7. พวกเขาใช้ประโยชน์สูงสุดจากกิจวัตรประจำวันตอนเย็น

          เรารู้ว่าพลังจากกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าจะช่วยให้เรามีวันดีๆ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพใช่ไหมคะ? แต่คนที่ประสบความสำเร็จหลายๆ ต่างก็รู้ว่าการจบวันๆ นั้นอย่างถูกวิธีก็จะช่วยทำให้พวกเขาพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ และมีประสิทธิภาพด้วยเช่นเดียวกัน

Benjamin Franklin ผู้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ และรัฐบุรุษคนสำคัญของสหรัฐอเมริกานั้นจะนั่งใคร่ครวญทุกคืนก่อนนอน เพื่อถามตัวเองว่า “วันนี้ผมได้ทำอะไรดีๆ ไปบ้าง?” Ingmar Bergman ผู้กำกับ นักเขียน และโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชาวสวีเดนนั้นก็จะอ่านหนังสือก่อนนอน ซึ่งทางการแพทย์ได้พิสูจน์มาแล้วว่าช่วยลดความเครียดได้ Sheryl Sandberg, COO ของเฟสบุ๊คก็จะปิดมือถือเมื่อเธอเข้านอน เพราะเธอไม่ชอบให้มีอะไรดังปลุกตอนกลางดึก Arianna Huffington ประธานของ Huffington Post บอกว่า “ความคิดสร้างสรรค์ ความฉลาด ความมั่นใจ ความเป็นผู้นำ แบะความสามารถในการตัดสินใจของเรานั้นจะสร้างได้ง่ายๆ ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้นแหละ” ให้ความสนใจกับกิจวัตรประจำวันในตอนเย็นของคุณ เพื่อที่เช้าวันถัพมาคุณจะได้ตื่นอย่างสดใสและมีพลังที่จะออกไปประสบความสำเร็จและมีความสุขยังไงล่ะ

          8. พวกเขาไปพักผ่อนแบบจริงๆ

          รูปภาพอย่าง Taylor Swift นอนอาบแดดอยู่บนชายหาดท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าใส นั้นบอกอะไรเราได้มากมายหลายล้านคำเลยล่ะ เพราะถ้าเจ้าแม่อย่าง Taylor หาเวลาไปพักผ่อนได้ คุณก็ต้องทำได้เหมือน

          9. พวกเขาลงเรียนคลาสต่างๆ และลงทุนกับตัวเอง

          Dick Costolo อดีต CEO ของทวิตเตอร์นั้นบอกว่า การลงเรียนคลาส Improv comedy หรือการแสดงตลกแบบสด นั้นได้ทำให้เขากลายมาเป็นผู้นำที่ดีขึ้น หรืออย่าง Emma Watson นักแสดงคนสวยที่โด่งดังจากบทเฮอร์ไมโอนี่ ก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าศึกษาต่อที่ Brown University (ซึ่งตอนนี้เธอก็จบการศึกษาแล้วด้วย) ไม่ว่าจะเป็นคลาส life coaching เรียนจิตบำบัด เวิร์คชอปการแสดง เรียนต่อโท หรือคลาสอบรบต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณสนใจ คนที่ประสบความสำเร็จนั้นเขาจะรู้ว่า เมื่อลงทุนกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ มันก็นำคุณไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน

          10. พวกเขาคลายเครียดและดูแลตัวเอง

          Marianne Elliot ทนายทางด้านสิทธิมนุษยชนที่เคยถูกส่งไปประจำที่อัฟกานิสถาน นั้นเริ่มฝึกโยคะเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความสงบท่ามกลางความรุนแรงแห่งภัยสงคราม ซึ่งเธอพบว่า แค่การฝึกโยคะ ถึงจะเป็นแค่การฝึกหายใจ ก็สามารถรักษาสุขภาพจิตของเธอ และทำให้เธอทำงานสำคัญๆ ภายใต้แรงกดดันขนาดนั้นได้ คุณอาจจะไม่ได้ทำงานท่ามกลางสงครามอย่าง Marianne  แต่ไม่ว่าคุณจะทำงานที่ไหนหรือทำอะไร คุณก็มีโอกาสจะเจอกับความเครียด ความไม่แน่นอน ความคิดที่คลุมเครือ หรือความเหนื่อยล้าอย่างแน่นอน และถ้าคุณไม่ได้ดูแลตัวเองดีๆ ถ้าคุณนอนไม่พอ กินอาหารไม่ค่อยมีประโยชน์ หรือปล่อยให้อารมณ์แย่ๆ มันถาโถมเข้ามาจนควบคุมไม่อยู่ล่ะก็ คุณจะทำงานท่ามกลางความเครียดได้ลำบากพอดูเลยล่ะ เพราะคนที่ประสบความสำเร็จเขารู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกไม่ดี หรือโดนรบกวนจิตใจด้วยเรื่องอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบต่อคุณภาพของงานและความสำเร็จของคุณแน่นอน

          ดังนั้น ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เลือกทำในสิ่งที่ดีต่อสุขภาพในเวลาที่คุณไม่ได้ทำงาน และคุณจะมีพลังและความกระตือรือร้นกลับไปทำงานอย่างแน่นอน อาทิตย์หนึ่งมี 168 ชั่วโมง คุณอาจจะใช้เวลา 40 ชั่งโมงไปกับการทำงาน และเหลืออีก 128 ชั่วโมงสำหรับการนอนหลับ กินอะไรดีๆ พักผ่อน และทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ ใช้เวลาให้คุ้มค่านะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก www.workventure.com