เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค Green is the new luxury

 

 

              รู้หรือไม่? ว่า กรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรเพียงแค่ 3.3 ตร.ม./คน นั่นหมายความว่า เรามีพื้นที่สีเขียวต่อคนขนาดใหญ่กว่าห้องน้ำแคบ ๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพียงแค่ต้องการอากาศบริสุทธิ์ไว้ใช้หายใจก็อาจยังไม่เพียงพอ ด้วยจำนวนที่จำกัดมาก ๆ ของพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ จึงทำให้การได้ครอบครองที่อยู่อาศัยที่มี พื้นที่สีเขียว หรือ สวนสาธารณะ อยู่ใกล้ ๆ จึงเป็นเรื่องที่ประชากรเมืองทั่วโลกต้องการ

             แสนสิริ จึงได้พัฒนาโครงการ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค แบรนด์คอนโดมิเนียมบนถนนพหลโยธิน ย่านห้าแยกลาดพร้าว ใกล้รถไฟฟ้าภายใต้แนวคิด “MAGICAL TREE” ที่เปรียบเสมือนอาคารเป็นต้นไม้ใหญ่ บนสวนเขียวที่มีขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ภายในโครงการ อีกทั้งยังใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน (สถานีพหลโยธิน) และสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ฮอตที่สุดในตอนนี้อย่าง ‘สถานีห้าแยกลาดพร้าว’ เพียง 300 เมตรเท่านั้น


            แต่นอกเหนือจากความเป็นคอนโดมิเนียมคุณภาพภายใต้แบรนด์ เดอะ ไลน์ แล้ว เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ยังตั้งอยู่บนทำเลอนาคตไกลที่เนื้อหอมสุดๆมาตั้งแต่ปี 2560 อย่าง พหลโยธิน อีกด้วย อยากรู้ไหม? ว่าทำไม พหลโยธิน ถึงยังเนื้อหอมได้ขนาดนี้?

ทำเลบน node ของถนน และ Interchange สายสำคัญ


             สำหรับ ทำเลพหลโยธิน โดยเฉพาะช่วง สถานีห้าแยกลาดพร้าว ที่ถึงแม้จะเป็นสถานีของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสถานีหมอชิต เพียง 1 สถานี แต่ก็มีความร้อนแรงไม่ต่างกับทำเลสถานีรถไฟฟ้าสายดั้งเดิมเลยทีเดียว โดยก่อนหน้านี้ แม้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจะยังไม่เข้ามา ทำเลพหลโยธิน ก็เป็นทำเลที่มีมูลค่าอยู่แล้ว เนื่องจากศักยภาพของทำเลที่มีลักษณะของการเป็น NODE เส้นทางเข้าออกเมืองของกรุงเทพฯ ตอนบน สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับถนนเส้นอื่นได้หลากหลาย และยังเป็นถนนสายสำคัญอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนลาดพร้าว และถนนกำแพงเพชร อีกทั้งยังใกล้ทางด่วน ทำให้เป็นทำเลที่มีการเติบโตของเมืองอย่างรวดเร็ว


( GIF. ลักษณะห้าแยกลาดพร้าว)

           

            



( GIF. รูปลักษณะทำเล Interchange ของสายสีน้ำเงิน+สายสีเขียว)

ใกล้ Grand Station และ Smart City


               ในอนาคตอันใกล้นี้ ทำเลพหลโยธิน จะยิ่งทวีศักยภาพมากขึ้นไปอีก เมื่อศูนย์กลางระบบคมนาคมทางรางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอย่าง สถานีกลางบางซื่อ (Bangsue Grand Station) มีความชัดเจนมากขึ้น จากการพูดคุย ร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีแผนในการกำหนดศูนย์คมนาคมแห่งใหม่ โดยจะได้เห็นความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมภายในต้นปี 2562 นี้ โดยนอกจากพื้นที่สถานีแล้ว ยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่ กม.11 หรือ ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน ให้เกิดขึ้นเป็น New Town ที่จะมีการใช้พื้นที่อย่างเข้มข้นอีกด้วย

             เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของการใช้พื้นที่ สิ่งที่ตามมาคือการเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติของกิจกรรมในทำเลด้วยเช่นกัน คาดการณ์ว่าหากมีการเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อ จะยิ่งเพิ่ม traffic ในพื้นที่มากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวแล้ว การแข่งขันพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมในรูปแบบ ร้านค้า, ร้านอาหาร, คาเฟ่, ช็อปปิ้งมอลล์, คอมมิวนิตี้มอลล์ หรือบริการอื่นๆ ต้องเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับการพัฒนาพื้นที่รอบ สถานีโอซาก้า เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยพื้นที่รอบนอกที่โอบล้อมบริเวณสถานี ถูกจัดให้มีการใช้ประโยชน์แบบพาณิชยกรรมเข้มข้น เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าฯ, ห้างสรรพสินค้า, สโตร์ของสินค้าแบรนด์ดัง และจุดชมวิวบนชิงช้าสวรรค์ ที่เหมือนเป็นหนึ่งในแลนมาร์คของเมืองโอซาก้า (HEP FIVE)


( GIF. รูป Osaka station )



             นอกจากแผนการพัฒนาพื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธินแล้ว ล่าสุดรัฐบาลได้มีแนวคิดในการทำให้ พหลโยธิน เป็น Smart City แห่งแรกของกรุงเทพมหานคร ภายใต้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) มาใช้ในการควบคุมและบริหารจัดการเมือง ซึ่งคาดว่าโมเดล พหลโยธิน Smart City นี้ จะมีความชัดเจนมากขึ้นปลายปี 2561 นี้ และจะยิ่งทำให้ ทำเลพหลโยธิน ทวีมูลค่าและศักยภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ทำเลพหลโยธิน จึงเป็นทำเลที่น่าลงทุนอย่างมากในช่วงนี้



ภาพจาก : SMART CITY Phahon Yothin

ใกล้ ‘พื้นที่สีเขียว’ ที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ


             สำหรับประชากรที่อยู่อาศัยในพื้นที่เมืองส่วนใหญ่ ถึงแม้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานครบครัน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวหรือสวนสาธารณะในเมือง ทำให้ทำเลในเมืองที่มีสวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ จึงเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยชั้นดี และเป็นทำเลที่ปรารถนาของประชากรเมืองทั่วโลก อาทิ เซ็นทรัล พาร์ค (นิวยอร์ก), ไฮด์ พาร์ค (ลอนดอน) และ อูเนโนะ พาร์ค (โตเกียว) ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่้ที่สุดในเมือง ซึ่งราคาที่อยู่อาศัยที่ใกล้เคียงทำเลสวนใหญ่เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่พุ่งสูงทะลุเพดานทั้งสิ้น อาทิ โครงการ 432 Park Avenue ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่แพงที่สุดบนทำเลใกล้เซ็นทรัล พาร์ค (นิวยอร์ก) โดยมีราคาสูงถึงประมาณ 3.2 ล้านบาท/ตร.ม. หรือโครงการ One Hyde Park ที่เคยครองตำแหน่งอันดับที่ 2 ของเพนท์เฮ้าส์ที่แพงที่สุดในโลก โดยมีราคาประมาณ 3.9 ล้านบาท/ตร.ม. เลยทีเดียว



( GIF. รูปโครงการ 2 โครงการ)

               สำหรับกรุงเทพฯ สวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ สวนหลวง ร.9 เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้จะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว เมื่อกรุงเทพมหานครได้เริ่มดำเนินการโครงการ อุทยานสวนจตุจักร ซึ่งเป็นการรวมพื้นที่ 3 สวนใหญ่ในจตุจักรให้เป็นพื้นที่เดียวกัน ได้แก่ สวนจตุจักร 155 ไร่, สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 196 ไร่ และ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) 375 ไร่ ซึ่งจะทำให้อุทยานสวนจตุจักร มีเนื้อที่รวมประมาณ 726 ไร่ และกลายเป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ สำหรับลูกบ้าน เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค นอกเหนือจากการใช้ชีวิตใกล้สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ (ในอนาคต) แล้ว ยังครอบครองสวนส่วนตัวพื้นที่กว่า 8 ไร่้ภายในโครงการ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค อีกด้วย


( GIF. รูปการรวม 3 สวนใหญ่ กลายเป็น อุทยานสวนจตุจักร)

            การเปลี่ยนแปลงของ “ทำเลพหลโยธิน” ที่กล่าวไปข้าวต้น ไม่ว่าจะเป็น ความชัดเจนของศูนย์กลางคมนาคมใหญ่ของประเทศ โครงการ พหลโยธิน สมาร์ทซิตี้ แห่งแรกของกรุงเทพมหานคร หรือ อุทยานสวนจตุจักร สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร ล้วนสะท้อนถึงความเป็นได้ว่า ทำเลนี้จะกลายเป็นหนึ่งทำเลรองรับปริมาณผู้คนมากมาย ประกอบกับเดิมทีเป็นทำเลที่ตั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง Central Ladprao รองรับทุกกิจกรรมการจับจ่ายใช้สอย เรียกได้ว่า ทำเลพหลโยธินนี้ รองรับความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตจริงๆ ลองมาดูกันต่อว่า ตลอดกว่า 8 ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์คอนโดมิเนียม High Rise ทำเลพหลโยธิน ไม่ว่าจะเป็น ราคาเปิดตัวคอนโดมิเนียม หรืออัตราค่าเช่า มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง

คอนโดมิเนียม High Rise ทำเลพหลโยธิน ราคาเปิดตัวเติบโต 7.45% ผลตอบแทนปล่อยเช่า 4.5-5.5%


           ด้วยความโดดเด่นของ “ทำเลพหลโยธิน” รองรับการเดินทางของ 2 ถนนสายหลัก คือ ถนนพหลโยธิน และถนนลาดพร้าว สถานการณ์คอนโดมิเนียม High Rise ติดถนนหลักดังกล่าว ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ในช่วงแรกอย่างปี 2011-2012 เปิดตัวด้วยระดับราคา 83,000-88,000 บาทต่อตารางเมตร จากนั้นก็ขยับขึ้นมาเรื่อยจนแตะหลักแสนบาทต่อตารางเมตร ล่าสุดปี 2018 ราคาเปิดตัวเฉลี่ย 137,000-165,000 บาทต่อตารางเมตร เรียกได้ว่า ราคาเปิดตัวเติบโตราว 7.45% ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

           สำหรับ อัตราค่าเช่าคอนโดมิเนียม High Rise ทำเลพหลโยธิน แบ่งตามประเภทห้องพัก พบว่า ห้องพักประเภท Studio มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 13,000-16,000 บาทต่อเดือน ส่วนห้องพักประเภท 1 ห้องนอน มีอัตราค่าเช่า 18,000-23,000 บาทเดือน และ ห้องพักประเภท 2 ห้องนอน มีอัตราค่าเช่า 35,000-40,000 บาทต่อเดือน สร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ 4.5-5.5% เลยทีเดียว


( GIF. สถานการณ์คอนโดมิเนียม)

เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค คอนโดมิเนียมที่ชูจุดเด่น Green is the new luxury ใส่ใจทุกการอยู่อาศัย

          ด้วยจุดเด่นของ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ตามสโลแกน “IMAGINATION IS EVERYTHING เป็นไปได้ทุกจินตนาการที่นี่ อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าทำเลพหลโยธิน เป็นทำเลที่มีความเจริญเติบโตอย่างมาก และมีความเป็นเมืองในทำเลแห่งนี้ ไม่ว่าจะทั้งการคมนาคม การทำงาน หรือการอยู่ นอกเหนือจากปัจจัยต่างๆภายนอกแล้ว ภายในโครงการเองก็ยังออกแบบให้ลูกบ้านได้อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติ ด้วยสวนส่วนกลาง 8 ไร่ พร้อมการออกแบบที่ใส่ใจถึงธรรมชาติทั้งส่วนกลางและยูนิตในโครงการ เช่น

  • The Natural Sanctuary พื้นที่ของโถงต้อนรับที่เชื่อมต่อกับสวน 8 ไร่ ในโครงการ สามารถเปิดรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกได้ในทุกๆวัน พร้อมการออกแบบพื้นที่พิเศษกว่าโครงการอื่นๆ โดยคัดสรรหินอ่อนที่ได้จากการตัด slab ภายในโรงงาน มาวางเรียงต่อกัน เกิดความสวยงามและความแตกต่างอย่างลงตัว
  • Co-Cooking Studio ห้องครัวส่วนกลางที่มีดีไซน์โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกเหมือนการทำอาหารท่ามกลางธรรมชาติ โดยคัดสรรชุดครัวที่ผลิตจากธรรมชาติ โดยหน้าบานจะเป็นการลอกหน้าหิน ซึ่งเป็นส่วนที่บางที่สุด แต่คุณภาพคงทน ได้ผิวสัมผัสเหมือนการใช้หน้าบานจากหินปกติ เป็นการทำลายธรรมชาติน้อยที่สุด พร้อมตู้เย็น LG รุ่น Instaview ที่ช่วยประหยัดพลังงาน สามารถมองเห็นของที่อยู่ด้านในตู้เย็นได้ โดยที่ไม่ต้องเปิด และถังขยะ Smart Food Recycler ที่แปลงทุกเศษอาหารให้เป็นสารอินทรีย์ สามารถนำไปผสมกับดินเพื่อปลูกต้นไม้อีกด้วย
  • ห้องพักอาศัยในทุกยูนิต ออกแบบด้วยฟังก์ชันที่ลงตัว แบ่งการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ด้านนอกตัวอาคารใช้ Double Skin หรือ ผนัง 2 ชั้น ซึ่งสามารถบังแสงแดดได้ดี และยังสามารถเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอยได้อีกด้วย ส่วนกระจกนั้น ทางโครงการเลือกใช้กระจกป้องกันความร้อน พร้อม Well Air เครื่องควบคุมคุณภาพอากาศภายในห้อง ที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติหากในห้องมีความอับชื้น หรือมี Co2 มากเกินไปอีกด้วย

            นับได้ว่า โครงการ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค นั้นเหมาะแก่การอยู่อาศัยสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ และการลงทุน เพราะโครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลที่ดี และยังคงสามารถใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ท่ามกลางธรรมชาติขนาด 8 ไร่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัยที่ใครหลายๆคนต้องการ



( GIF. Facilities )


           เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค หนึ่งโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพจากแบรนด์แสนสิริ ตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยพร้อมพื้นที่สีเขียว เสมือนได้อยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยจุดเด่นสวนสีเขียวขนาด 8 ไร่ บนทำเลศักยภาพพหลโยธิน แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และยังมองเห็นแนวโน้มความเจริญของพื้นที่ได้อย่างชัดเจน จากหลากหลายโครงการเมกะโปรเจค ที่กำลังจะเข้ามาเพิ่มเติมศักยภาพทำเลในอนาคต อีกด้วย

เป็นไปได้ทุกจินตนาการ ที่ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค
คอนโด Fully Furnished* เริ่ม 3.59 ล้าน*
พิเศษ! ลงทะเบียนวันนี้รับส่วนลดสูงสุด 30,000 บาท
คลิก http://bit.ly/2Mo9OoH