หลายคนอาจประทับใจเมย์ มัสก์ ในฐานะแฟชั่นนิสต้าและนางแบบรุ่นใหญ่ที่ไม่ยอมให้วัยมาเป็นอุปสรรค เพราะต่อให้อายุ 70 ปีแล้วแต่ยังเฟี้ยวเหมือนหยุดอายุไว้ที่ 30 ต้นๆ แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้หรือรู้แล้วอาจจะเซอร์ไพรส์ คือ แท้จริงแล้วเมย์ มัสก์ คือ คุณแม่บังเกิดเกล้าของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้บริหารคนดังของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่างรถพลังงานไฟฟ้าเทสลาและสเปซเอ็กซ์

          ไม่สำคัญว่าคุณจะรู้จักเมย์ หรือ อีลอน เพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ แนวคิดในการเลี้ยงลูกของแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรองที่เป็นเบ้าหลอมสำคัญที่ทำให้อีลอน เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นในวันนี้

          จากนี้คือ 3 แนวคิดหลักในการเลี้ยงลูกแบบไม่อิงตำรา แต่ถอดมาจากชีวิตจริงซึ่งคุณพ่อคุณแม่มือใหม่สามารถเอาไปปรับใช้ได้

          1.ติดอาวุธ “ความเพียร”ให้ลูก ตั้งแต่เด็ก

          หากพูดถึงเบื้องหลังความสำเร็จของอีลอนในวันนี้ ต้องยกเครดิตให้กับคุณแม่ของเขาที่เป็นแบบอย่างในหลายๆ เรื่อง เมย์เป็นเจ้าของกิจการที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นทั้งนักเขียน นักโภชนาการ และนางแบบมืออาชีพ นอกจากนี้เธอยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เครื่องสำอางชั้นนำอย่าง COVERGIRL

          แม้ชีวิตวัยสาวเมย์จะผ่านมรสุมมากมาย ตั้งแต่การหย่าร้างจนต้องย้ายจากแอฟริกาใต้มาอยู่โตรอนโต ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารโว้กว่า “ฉันต้องเลี้ยงลูกสามคนด้วยตัวคนเดียวทั้งที่ไม่มีรายได้ น้ำตาฉันไหลพรากตอนที่พวกเขาทำนมหก เพราะฉันไม่มีเงินเหลือที่จะซื้อให้พวกเขาอีกแล้ว” แต่สุดท้ายด้วยทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ “ไม่มีคำว่ายอมแพ้ในพจนานุกรม” ทำให้เธอผ่านมาได้ และ ยังส่งต่อดีเอ็นเอนี้ให้กับอีลอน

          “ตอนที่อีลอนเริ่มเป็นวัยรุ่น เขาต้องไปยังสำนักจัดหางานสำหรับคนว่างงาน สุดท้ายเขาก็ได้ทำงานเป็นคนทำความสะอาดหม้อต้มที่โรงเลื่อยไม้ ซึ่งสภาพที่ทำงานสกปรกสุด ๆ แต่อีลอนก็อดทน และนั่นคือ จุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะเลือดนักสู้ และความเพียรพยายาม อดทนเพื่อไปสู่เป้าหมาย

          2.สอนลูกให้รู้จักพึ่งพาตัวเอง

          ไม่ใช่ไม่รักไม่ห่วงลูก แต่การแสดงความรักในแบบของเมย์ที่ฝึกลูกให้สตรอง และยืนหยัดในโลกใบนี้ได้ คือ การส่งเสริมให้ลูกชายทั้งสามมีอิสรภาพและได้ทำตามแพชชั่นของตัวเอง

          “เมื่อลูกโตขึ้น เราต้องปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ที่จะพึ่งตัวเอง ฉันมักบอกพวกเขาเสมอว่า ตราบที่ทำในสิ่งที่คิดว่าดี มันคุ้มค่าเสมอที่จะเดินไปให้สุดทาง นี่จึงเป็นเหตุผลทำให้ฉันสนับสนุนอีลอนและพี่ชายของเขาอย่างเต็มที่ ตอนที่ทั้งคู่ก่อตั้งบริษัทแรกชื่อ Zip2 ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการทำคอนเทนต์ออนไลน์

          หลังจากนั้นไม่กี่ปี บริษัทก็ถูกซื้อไปโดย Compaq (ปัจจุบันควบรวมกับ HP) ได้เงินมากว่า 304 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้อีลอนกลายเป็นมหาเศรษฐีในวัยเพียง 28 ปี ผู้มาพร้อมความเชื่อว่า

“เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดจะประดิษฐ์สินค้าหรือคิดค้นบริการบางอย่าง ต้องไม่ใช่แค่ทำให้เหนือกว่าคู่แข่งนิดหน่อย แต่ต้องทำให้ยิ่งใหญ่” และนี่เองจึงกลายเป็นที่มาของอภิมหาโปรเจ็กต์ของอีลอน ที่จะสร้างจรวดเพื่อนำคนไปเหยียบบนดาวอังคารให้ได้

          3.ชีวิตนี้ต้องไม่ยอมให้อะไรมาหยุดฝัน

          ซิกเนเจอร์ประจำตัวเมย์ที่ทำให้เธอเซอร์ไพรส์คนรอบข้างได้เสมอ คือ เธอไม่เคยหยุดที่จะท้าทายตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นอีกหนึ่งดีเอ็นเอที่ชัดเจนในตัวอีลอน ผู้ซึ่งไม่เคยมีคำว่าปลดเกษียณอยู่ในหัว เขาคือ เด็กชายวัย 9 ขวบที่อ่านสารานุกรมบริตานิกาตั้งแต่ต้นจนจบ และหลงรักโลกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่วันนั้น เขาไม่เคยหมดพลังหรือท้อแท้ที่จะนำความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมานำเสนอสู่สายตาโลก เพราะเขาเดินตามรอยของคุณแม่สุดเฟี้ยว ที่รักที่จะตามความฝันของตัวเอง

          ทั้งหมดนี้คือ หลักการง่ายๆ ที่เมย์ใช้สอนลูกจนวันนี้เขากลายเป็นคนที่คนทั้งโลกรู้จัก...