ในอนาคต “บ้านที่ดี” ต้องเป็นนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่มอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อาศัย รวมทั้งมีดีไซน์และฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ตอบสนองการใช้งานของคนทุกเพศ ทุกวัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด

         คณะผู้จัดงานประชุม Sustainable Brands 2017 Bangkok (ซัสเทนเนเบิล แบรนด์ 2017 แบงค็อก) หรือ SB’17 Bangkok (เอสบี ’17 แบงค็อก) งานประชุมประจำปีครั้งที่ 3 ซึ่งภาคธุรกิจ ภาครัฐ ภาคการศึกษา และองค์กรต่างๆ จะมาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองที่จะช่วยนำพาธุรกิจและประเทศให้ก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์ที่ยั่งยืน ร่วมกับเอสซีจีจัดกิจกรรมเยี่ยมชม “The NEST โครงการต้นแบบบ้าน Smart Eco-Care ที่ผสมผสานเทคโนโลยีของความเป็นบ้าน Smart Eco-Care ไว้อย่างลงตัว สอดรับกับ Living Trend ของโลกที่กำลังเปลี่ยนไป คำนึงถึงการอยู่อาศัยร่วมกันของผู้คนทุกวัยอย่างสะดวกปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนแนวคิดเรื่อง “Redefining the Good Home” ซึ่งเป็น 1 ใน 8 หัวข้อย่อย จากธีมหลัก “Redefining the Good Life” ของการประชุม SB’17 Bangkok ในปีนี้

         สำหรับการเยี่ยมชม “The NEST” ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ฎายิน เกียรติกวานกุล New Business Development managerและสราวัล เป็นสุข Design Consultant (Gerontologist) บริษัท เอสซีจีซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัดมาร่วมพูดคุยที่ The NEST ในพื้นที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จังหวัดปทุมธานี เมื่อเร็วๆ นี้

         ฎายิน เกียรติกวานกุลNew Business Development manager บริษัท เอสซีจีซิเมนต์ -ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัดกล่าวว่า ในโอกาสที่เอสซีจี ครบรอบ 100 ปี จึงเกิดไอเดียที่ต้องการสร้างบ้านแบบPilot House เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้ และไอเดียให้กับลูกค้า บุคคลทั่วไป และนักวิจัย ได้เข้ามาศึกษาบ้านในอนาคตที่จะตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ จึงถือเป็นประเด็นใหญ่ทางสังคม ว่าด้วยเรื่องของผู้สูงอายุและผู้พิการและรวมถึงเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นระเบียบวาระสำคัญของประเทศ ทำให้เอสซีจีให้ความสำคัญกับคำว่า Good Home ในมุมของที่อยู่อาศัยที่ดีเพื่อผู้สูงอายุ จึงเกิดเป็น The NEST ซึ่งมาจากThe Next Eco-Sustainable Technology for Home เป็นโครงการต้นแบบที่ได้รับการออกแบบให้เป็นบ้านแห่งอนาคตเพื่อความยั่งยืนสำหรับการอยู่อาศัยในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้นโดยผสมผสานความเป็นบ้าน Smart, Eco และ Care อย่างลงตัว ด้วยการบรูณาการเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้เป็นบ้าน Energy plus หลังแรกในอาเซียน

         “The NEST เป็นบ้านที่ออกแบบบนแนวคิดของPassive Green ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตแบบ Eco ช่วยประหยัดพลังงานและน้ำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่  Energy Generation สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ในบ้านได้เองจากเซลล์แสงอาทิตย์, Energy saving ประหยัดพลังงานด้วยการออกแบบอาคารที่ช่วยระบายความร้อน และลดพลังงานจากการใช้ไฟฟ้า โดยใช้แสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์มาบูรณาการกับระบบแสงสว่างภายในบ้าน, Water saving การจัดการการใช้น้ำภายในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านการประหยัด การนำกลับมาใช้ใหม่ รวมทั้งการนำน้ำฝนและน้ำCondensing Unit ของเครื่องปรับอากาศมาใช้ในระบบช่วยให้ใช้น้ำน้อยกว่าบ้านทั่วไป  

         Smart เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตด้วย Intelligent Home Automation ระบบควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าและน้ำภายในบ้านแบบไร้สาย รวมถึงการตรวจสอบการใช้น้ำและไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อช่วยในการวางแผนรายจ่ายของบ้านได้ และระบบ Smart for Care ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายกับผู้สูงอายุแม้ไม่มีผู้ดูแลอยู่ข้างกาย และ Care การออกแบบเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของคนทุกวัยภายในบ้านหลังเดียวกัน ตอบสนองการใช้ชีวิตแบบลดการพึ่งพาของผู้สูงอายุ ด้วยการป้องกันหรือลดการเกิดอุบัติเหตุ การเพิ่มความสะดวกสบายในการให้ผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรมต่างๆอย่างปลอดภัย เพื่อผู้สูงอายุได้อาศัยร่วมกับทุกคนในบ้านได้อย่างมีความสุข

         ด้วยเหตุนี้สิ่งที่ เอสซีจี ให้ความสำคัญจึงเป็นเรื่องของการสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้สูงอายุได้มีสุขภาวะทางกายและใจที่ดี และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบ้านที่ดีต่อผู้สูงอายุในอนาคต ในรูปแบบ 7 dimensions of wellness ได้แก่ Intellectual, Spiritual, Career, Environment, Social, Emotion และ Physical เพื่อทำให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตดูแลตัวเองไปได้ยาวนานที่สุด และมีความสุขโดยที่ไม่ต้องเป็นภาระให้กับลูกหลานด้วย

         สราวัล เป็นสุข Design Consultant (Gerontologist) บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่ต้องพึงระวังที่สุดในผู้สูงอายุคือ อุบัติเหตุจากการลื่นหกล้ม จากสถิติ 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุจะเกิดการหกล้ม และ 18% ของผู้ที่หกล้มจะเกิดการบาดเจ็บ และในผู้บาดเจ็บจะเกิดการหักของกระดูกส่วนต่างๆ ซึ่งค่ารักษาพยาบาลจะมีการใช้จ่ายที่สูงมาก ดังนั้นเอสซีจี จึงคิดค้นนวัตกรรมเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุเป็นอันดับแรก เช่น ระบบไฟอัจฉริยะ เวลาลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ซึ่งหากมีไฟนำทาง   ก็จะช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น หรือราวจับระหว่างทางเดินเพื่อลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว ก็จะมีระบบพื้นกันกระแทกที่จะช่วยลดแรงได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เป็นต้น

         เอสซีจีเป็นหนึ่งในองค์กรที่เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในงานประชุม Sustainable Brands ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมของนักสร้างแบรนด์ นักการตลาด นักธุรกิจ ที่ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบ รวมทั้งสร้างแบรนด์เพื่อให้มีส่วนในการพัฒนาอย่างยั่งยืนกับสังคมโดยมีการจัดประชุมในหลายประเทศ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นคาแรคเตอร์ของแบรนด์ไทยในเรื่องของความยั่งยืนคือ เราเป็นประเทศที่สามารถจะนำเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงบวกกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้ดีไม่แพ้ประเทศใดในโลก และมั่นใจว่างาน SB’17 Bangkok จะเป็นเวทีที่ทำให้ทุกคนได้มาเรียนรู้ และแบ่งปันสิ่งที่จะทำให้ทุกคนแข็งแกร่งไปด้วยกัน โดยธีมงานประชุมSB’17 Bangkok นำเสนอแนวคิด เรื่อง “Redefining the Good Life” หรือการนิยามคุณภาพชีวิตที่ดี โดยครอบคลุมถึง 8 หัวข้อหลัก ได้แก่ Good Food, Good Home, Good Health-Care, Good Money, Good Design, Good Energy, Good Technology และ Good Destination

       

         ทั้งนี้ในงานการประชุมระดับนานาชาติ  SB’17 Bangkokเป็นโอกาสดีที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับสุดยอดผู้นำและนักวิชาการระดับนานาชาติกว่า 40 คนจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศกว่า 50 แบรนด์ ที่จะมาร่วมเสวนาในเรื่องความยั่งยืนของโลกธุรกิจระดับสากลในแง่มุมต่าง ๆอาทิ คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา รองเลขาธิการ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง, มร.ฮาเวียร์ โกเยเนเช่(Javier Goyeneche) ผู้ก่อตั้งแบรนด์อีโคอัลฟ์ (ECOALF)เสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลผู้นำขยะจากมหาสมุทรมาเพิ่มมูลค่าสู่แฟชั่นแห่งความยั่งยืน, ดร. ดาเรียน แมคเบน (Dr. Darian McBain) ผู้นำด้านความยั่งยืนคนสำคัญของบริษัทไทย ยูเนี่ยน กรุ๊ป แบรนด์อาหารทะเลยักษ์ใหญ่ระดับโลก, มร. พอล เฮอร์แมน(Paul Herman) CEOจาก HIP investor ผู้นำเสนอระบบที่นักลงทุนสามารถที่จะสร้างกำไรไปพร้อมกับการสร้างสิ่งดีๆสู่โลกได้ด้วย และ มร. โธมัส โคลสเตอร์(Thomas Kolster)ผู้ก่อตั้ง #Goodvertisingเอเจนซี่โฆษณาที่เชี่ยวชาญในการสื่อสารเรื่องความยั่งยืน และนักเขียนหนังสือชื่อ “Goodversiting”หนังสือแห่งการสื่อสารเชิงคุณค่าในสากล เป็นต้น

        ผู้สนใจสามารถจองบัตรเข้าร่วมงานSB’17 Bangkok ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 30 พฤศจิกายนศกนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ผ่านทางเว็บไซต์ www.sustainablebrandsbkk.com โดยมีราคาดังนี้ บัตร All Event Pass ราคาท่านละ 24,000 บาท,  บัตร All Event Pass แบบกลุ่มสำหรับ 4 ท่านขึ้นไป ราคาท่านละ 19,000 บาท และบัตรOne Day Pass ราคาท่านละ15,000 บาท โดยเปิดจำหน่ายบัตร All Event Pass แบบ Early Bird ในราคาเพียง 20,000 บาทต่อ 1 ท่าน ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายนศกนี้ สำหรับการเข้าร่วมประชุมตลอดระยะเวลา 2 วัน

         นอกจากนี้จะมีการจัด SB’17 Bangkok Sustainable Dinner ในคืนวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ที่สยามสมาคม โดยมี เชฟพิเศษที่สุดของเมืองไทยและต่างประเทศมาปรุงเมนูที่หาได้ที่เดียวในงานนี้ พร้อมเล่าเรื่องราว Sustainable ของอาหาร แหล่งที่มาของอาหารมื้อพิเศษสุดนี้  ซึ่งการขายบัตรจะแยกออกจากงาน SB’17 Bangkok รับเพียง 100 ท่านเท่านั้นราคาท่านละ 4,000 บาท

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนิยามคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับโลกและชีวิตของเราทุกคนผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.facebook.com/SustainableBrandsBangkok

Sustainable Brands 2017 Bangkok ร่วมกับ SCG เปิดมุมมองของที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด
“Redefining the Good Home” พร้อมพาชม “The NEST” โครงการต้นแบบ Smart Eco-Care

ลำดับ คำบรรยายภาพภาษาไทย

001 ฎายิน เกียรติกวานกุล New Business Development manager บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด
002 สราวัล เป็นสุข Design Consultant ( Gerontologist) บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด
003 (ซ้าย) ฎายิน เกียรติกวานกุล และ สราวัล เป็นสุข
004 Sustainable Brands 2017 Bangkok
005-006 The NEST โครงการต้นแบบบ้าน Smart Eco-Care
007 ภายนอกบ้าน The NEST โครงการต้นแบบบ้าน Smart Eco-Care
008 ภายในบ้าน The NEST โครงการต้นแบบบ้าน Smart Eco-Care
009 ไฟส่องสว่างอัจฉริยะ
010 ราวจับระหว่างทางเดินเพื่อลดอุบัติเหตุ
011 ส่วนที่กั้นระหว่างห้องน้ำและโซนใช้งานทั่วไปเพื่อลดพื้นต่างระดับ
012 ลิฟท์บันได

 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.sustainablebrandsbkk.com