ทำเลศักยภาพสุขุมวิท-บางนา แนวโน้มที่สำคัญในอนาคต

คำถามที่ว่า นอกจาก CBD เดิมที่ตั้งอยู่บริเวณ สีลม-สาทร และ CBD ใหม่ อย่างย่าน อโศก-รัชดา มีทำเลไหนในกรุงเทพฯ ที่พร้อมจะรองรับการเติบโตและพัฒนาในการเป็นแหล่งรวมธุรกิจบ้าง ? แน่นอนว่า โซนบางนา กำลังถูกมองว่าเป็นทำเลแห่งใหม่ที่รองรับการขยายตัวและมีศักยภาพทำเลที่สำคัญในอนาคต ด้วยระบบขนส่งและเส้นทางการเดินทางที่หลากหลายทั้งรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชน ท่าเรือ ถนนวงแหวน ทางด่วน มอเตอร์เวย์ ครอบคลุมทุกประเภทการเดินทาง และกำลังจะเป็นแหล่งศูนย์รวม New Destination แห่งใหม่ ตัวอย่างเช่น การเข้ามาของ เดอะมอลล์กรุ๊ป (The Mall Group) ที่จะพัฒนาขึ้นในชื่อ Bangkok Mall ศูนย์การค้าบนที่ดินขนาดใหญ่ถึง 100 ไร่ ซึ่งจะถูกพัฒนาเป็น Regional Shopping Center ผนวกกับโรงแรม CHATRIUM ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเดอะมอลล์กรุ๊ปที่จะมาเสริมความสมบูรณ์แบบให้กับแยกบางนา โดยศูนย์การค้าแห่งนี้จะกลายเป็น แหล่งค้าปลีกที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวบรวมสุดยอดประสบการณ์ ไลฟ์สไตล์ ความบันเทิงสำหรับทุกคนในครอบครัว รวมมูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกบางนา

โครงการ Bangkok Mall ของเดอะมอลล์กรุ๊ป

ขอบคุณ รูปภาพจาก www.boiffils.com/bangkok-mall

BITEC Phase 2

ขอบคุณ รูปภาพจาก bhirajburi.co.th

ส่วนบริษัท ภิรัชบุรี (BHIRAJ BURI) เจ้าของ BITEC บางนา ก็ไม่น้อยหน้าได้ประกาศทุ่มงบกว่า 6 พันล้านบาท เดินหน้าเปิดตัว BITEC Phase 2 ซึ่งพยายามจะปั้นให้เป็น Hub of Conference ในการประชุมสัมมนาและพื้นที่สำหรับการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้า พร้อมพัฒนาอาคารสำนักงานแห่งใหม่ BHIRAJ TOWER at BITEC ขนาดพื้นที่รวม 72,500 ตร.ม. เจาะลูกค้าทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ โดยอยู่ในระหว่างดำเนินการคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2560 นี้

ไม่เพียงเท่านี้ยังมี Mega Bangna Phase 2 ซึ่งจะถูกพัฒนาเป็น Mix-used Complex ครบวงจรทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม คอนโดมิเนียม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โดยจะใช้งบลงทุนราว 2 พันล้านบาท บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ และล่าสุดทางกลุ่มเซ็นทรัลได้มีการ Renovate Central Plaza บางนา ครั้งใหญ่ซึ่งได้เข้ามาเพิ่มมูลค่าให้กับบางนาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบางนายังเป็นอีกโซนหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานชั้นนำหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น อาคารของ Nation, Ample Tower และ Bangna Complex เป็นต้น

New Infrastructure เชื่อมทุกมิติการเดินทาง ก้าวสู่ความเป็นทำเลยอดนิยม

จากแนวโน้มการขยายตัวของเมืองชั้นในช่วงที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว นำมาสู่แผนการพัฒนาระบบคมนาคมใหม่ๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของที่อยู่อาศัย รวมถึงอาคารสำนักงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มากขึ้น และถ้าจะให้พูดถึงย่านบางนา ถือเป็นอีกหนึ่งหัวเมืองศักยภาพทางฝั่งตะวันออกที่มีแผนการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด คือ แผนการย้ายสถานีขนส่งเอกมัยมายังย่านบางนา (New Terminal Bus Station) เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่ค่อนข้างหนาแน่น รวมถึงการขยายตัวของเมืองที่แผ่ออกมามากขึ้น ทำให้การใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณนั้นต้องเปลี่ยนแปลงไป

สำหรับแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้า ปัจจุบันบางนามีรถไฟฟ้าพาดผ่าน 1 เส้นทาง คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ได้พาดผ่านย่านบางนาไปตามถนนสุขุมวิทซึ่งมีด้วยกัน 2 สถานี คือ สถานีบางนา และสถานีอุดมสุข ซึ่งในอนาคตทั้งสองสถานีนี้จะถูกเชื่อมด้วย ทางเดินยกระดับหรือสกายวอล์ก (Sky Walk) เชื่อมต่อกับระหว่างรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทจากสถานีอุดมสุข ถึงสถานีบางนาระยะทางกว่า 1,000 เมตร รวมพื้นที่ 7,150 ตร.ม. เพื่อเป็นการส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนพ.ค. ปี 2560 และอีกไม่นานจะมีจะมี รถไฟฟ้า Monorail สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง พาดผ่านย่านบางนาอีกเช่นกัน ซึ่งขณะนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้ผ่านมติจาก ครม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะประมูลเวนคืนในลำดับต่อไป นอกจากนั้นยังมีแผนพัฒนา เส้นทาง Light Rail บางนา-สุวรรณภูมิ ขนาด 15.3 กม. จำนวน 12 สถานี เชื่อมจากสนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านบางนา เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้า BTS หมอชิต-แบริ่ง ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ต้องการเดินทางจากสุวรรณภูมิเข้าสู่ตัวเมืองอีกต่อหนึ่ง ทำให้บางนาเปรียบเสมือนศูนย์กลางการคมนาคมแห่งใหม่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครให้สามารถเชื่อมโยงเข้ากับระบบโครงข่ายการคมนาคมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ทางเดินยกระดับหรือสกายวอล์ก (Sky Walk) เชื่อมสถานีอุดมสุข และสถานีบางนา

ขอบคุณ รูปภาพจาก chao6996 : www.prakard.com

จะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทั้ง New Destination และ New Infrastructure ที่เข้ามายังย่านบางนาจะเป็นตัวช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการผลักดันย่านบางนาให้เป็น ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฝั่งภาคตะวันออกแห่งใหม่ (The New East Business District : EBD) และยังเป็นทั้ง ศูนย์กลางแห่งอุตสาหกรรม การผลิตของย่านสมุทรปราการ บางนา-ตราด บางปู และบางปะกง รวมถึงเป็นประตูสู่ภาคตะวันออกของประเทศไทยที่มี Linkage เชื่อมต่อไปยังแหล่งสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างง่ายดาย ล่าสุดกรมธนารักษ์ได้ประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ประจำปี 2559 - 2562 พบว่า ราคาประเมินบริเวณถนนอุดมสุข เพิ่มจากตารางวาละ 170,000 บาท เป็น 210,000 บาท หรือเพิ่มสูงขึ้นถึง 24% จากราคาประเมินก่อนหน้า ส่วนราคาประเมินบริเวณถนนบางนา-ตราด เพิ่มขึ้นจากตารางวาละ 170,000 บาท เป็น 190,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 12% จากราคาประเมินก่อนหน้า

นอกจาก โครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์แล้วย่านบางนา ยังมีอีกหนึ่งโครงการที่อยู่อาศัยที่น่าจับตามองอย่าง "Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate" จัดว่าเป็น Premium Condominium เนื่องจากเป็นโครงการที่ติดถนนสุขุมวิทสายหลักและอยู่ใกล้ BTS บางนาเพียง 150 เมตร เหมาะกับคนที่ทำงานใจกลางเมืองไม่ว่าจะเป็น ทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศกหรือสยาม ที่ไม่ต้องการใช้รถแต่ก็ยังต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นทำเลที่สามารถใช้รถยนต์ได้สะดวกเมื่อต้องการ เพียงแค่กลับรถหน้าโครงการก็สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างง่ายดายด้วยทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง คือ เฉลิมมหานคร และบูรพาวิถี

ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตจากคอนเซ็ปต์ “The Future is Here” จึงทำให้ที่นี่จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่า ตอบทุกโจทย์ของการใช้ชีวิตอย่างมีเอกลักษณ์ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้สัมผัส ณ “Private Green Park” บนพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. เพื่อการพักผ่อนอย่างมีอิสระท่ามกลางธรรมชาติรายล้อมและหมู่แมกไม้นานาพรรณ มาพร้อมสถานที่เงียบสงบให้คุณได้อ่านหนังสือเล่มโปรดใน Green park library ดื่มด่ำความรื่นรมย์ของธรรมชาติหันหลังให้กับความวุ่นวาย สัมผัสกับสระว่ายน้ำกลางแจ้งระบบเกลือที่มีขนาดเทียบเท่าสระโอลิมปิค เติมออกซิเจนให้เต็มปอดได้ไม่รู้จบ และมาเพิ่มความฟิตกับห้องออกกำลังกายเพื่อเติมความสดชื่นให้ร่างกายได้เต็มที่ หรือจะขึ้นมา Hang Out ที่ “Social Club” พื้นที่สำหรับการพบปะอย่างเป็นกันเองบนชั้น 5 นอกเหนือจากนี้ยังให้คุณได้ชมวิวพระอาทิตย์แล้วตกดินแล้ว บนจุดไฮไลท์ของยอดตึกในส่วน Sky Deck & Sky Lounge ที่ชั้น 30 เต็มอิ่มกับบรรยากาศของวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาแบบ Panorama ท่ามกลางผืนฟ้าของมหานครกรุงเทพ

โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate เป็นคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น 844 ยูนิต อยู่ห่างจาก BTS บางนาเพียง 150 เมตร เหมาะกับคนทำงานใจกลางเมืองไม่ว่าจะเป็นทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศก หรือสยาม ที่ไม่ต้องใช้รถ แต่ยังต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นทำเลที่สามารถใช้รถยนต์ได้สะดวกเมื่อต้องการ เพราะถนนสุขุมวิทขาออกไปสมุทรปราการ เพียงแค่กลับรถหน้าโครงการก็สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้ ทั้งยังขึ้นทางด่วนได้ 2 ฝั่งคือ ทางด่วนบูรพาวิถีและวงแหวนรอบนอก และอีกไม่นานจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (Monorail) ลาดพร้าว-สำโรง พาดผ่านย่านบางนา ซึ่งจะทำให้การเดินทางในย่านนี้สามารถเชื่อมต่อกับอีกหลายเส้นทางในอนาคต

โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate

ส่วนพักอาศัยของ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate จะเริ่มต้นจากชั้น 5 เป็นต้นไป เพราะ ชั้น 1 – 4 เป็นที่จอดรถ นอกจากการออกแบบคอนเซ็ปต์ Futuristic ที่ล้ำอนาคต โดยใช้สีดำของตัวอาคารทำให้แถบสีเงินดูโดดเด่นเมื่อมองจากด้านนอก ซึ่งไม่เพียงภายนอกที่สะดุดตาเท่านั้น การตกแต่งภายในยังล้อไปกับคอนเซ็ปต์นี้ด้วย ทำให้แม้จะผ่านไปอีกกี่ปีอาคารแห่งนี้ก็จะยังเป็นแลนด์มาร์คให้กับพื้นที่บางนาได้อยู่เช่นเดิม

ซึ่งนอกจากการออกแบบที่ดึงดูดแล้ว จุดเด่นของโครงการนี้ที่เพิ่มเติมมาจากโครงการก่อนๆ ของ Ideo Mobi คือ เพิ่มพื้นที่ส่วนกลางให้มากขึ้น ทั้งพื้นที่สีเขียวโดยรอบโครงการที่จะใช้ไม้ยืนต้นในส่วนหย่อมรวมกว่า 1,000 ตร.ม. ชั้นล่างสุดของอาคารเป็นส่วนของร้านค้า มี 5 ร้าน มีล็อบบี้วิวสวนที่ให้บรรยากาศสวนที่เป็นส่วนตัว มีสวนดาดฟ้า 2 แห่งคือ Sky Lounge & Sky Deck บนชั้น 30 ที่มีส่วนที่ยื่นออกมาและสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของคุ้งน้ำบางกระเจ้าซึ่งเป็นพื้นที่โอโซนสำคัญที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ได้ชัดเจนอีกด้วย สำหรับพื้นที่ส่วนกลางชั้น 5 จะเพิ่มขนาดของสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือแบบ Outdoor ที่มีความยาว 50 เมตร ลึก 1.20 เมตร มีพื้นที่ห้องสมุด ฟิตเนส มีลานกว้างสำหรับ Social Club

สิ่งอำนวยความสะดวก โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate

ชั้น 6 ขึ้นไปจะเป็นยูนิตที่พักอาศัยโดย ชั้น 24 เป็นต้นไปจะมีความหนาแน่นของยูนิตน้อยลงคือ 21 ยูนิต เพราะเป็นชั้นที่มีสวนส่วนกลางอยู่ด้วย ชั้น 25 – 29 จะมีความหนาแน่นน้อยกว่าชั้นล่างๆ ไม่ต้องเจอคนเยอะ และได้ดูวิวไกลเพราะไม่มีตึกอะไรมาบัง ชั้น 30 หรือชั้นบนสุดจะเป็นสวนชั้นดาดฟ้ามี Sky Lounge ให้นั่งเล่นชมวิวดูดาว อย่างไรก็ตาม แม้ความหนาแน่นของห้องจะแตกต่างกัน แต่จำนวนลิฟต์โดยสาร ที่มีถึง 4 ตัว ก็นับว่าเพียงพอสำหรับการใช้งาน

สำหรับห้องที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้มีอยู่ 3 แบบคือ Type A1 ห้อง Studio ขนาด 21.5 ตร.ม.(หน้ากว้าง) Type A2 ห้อง ห้อง Studio ขนาด 21.5 ตร.ม.(หน้าลึก) Type B ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.5 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted มีเฟอร์นิเจอร์บิวด์อินส่วนชุดครัว พร้อมแอร์ 1 ตัว มีฉากกั้นอาบน้ำให้แต่ไม่มีฉากกั้นห้องให้

เริ่มการเยี่ยมชมที่ ห้อง Type A2 ซึ่งเป็นห้อง Studio ขนาด 21.5 ตร.ม. เป็นห้องหน้าแคบแต่มีความลึก ระยะพื้นถึงเพดาน 2.6 เมตร พื้นเป็นลามิเนตไม้สีอ่อน ไฟเป็นแบบดาวน์ไลท์ เมื่อเปิดประตูเข้ามาพบห้องน้ำอยู่ฝั่งซ้ายมือ โดยห้องน้ำจะเป็นส่วนที่บังโซฟานั่งสำหรับดูทีวีไว้จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องสตูดิโอทั่วไป พื้นห้องน้ำส่วนแห้งเป็นกระเบื้องเซรามิคสีครีม ส่วนเปียกเป็นกระเบื้องเซรามิคสีเทา ฉากกั้นห้องเป็นกระจกเทมเปอร์ ภายในมีจุดสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ส่วนที่เป็นสุขภัณฑ์และโถสุขภัณฑ์เป็นของ Cotto ด้านขวาของห้องเป็น ชุดครัวบิวด์อินขนาดกะทัดรัดประหยัดพื้นที่ ดีไซน์บายอนันดา ทางโครงการวางตู้เย็นมาให้ดูเพื่อเป็นไอเดีย และมีส่วนวางเครื่องซักผ้าด้านล่าง มีลิ้นชักวางช้อนส้อมและเครื่องปรุง การออกแบบให้ถังขยะติดกับบานเปิดใต้อ่างล้างจานสแตนเลสแบบ 1 หลุมเป็นไอเดียการประหยัดพื้นที่ ผนังส่วนห้องครัวติดกระเบื้องมาให้ เตาไฟฟ้า 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควันด้านบนเป็นของ MEX

ถัดจากโซนครัวกับห้องน้ำมาจะเป็นโซนห้องนั่งเล่น ห้องตัวอย่างจัดโซฟาแบบสองที่นั่ง ผนังห้องนั่งเล่นฝั่งติดห้องน้ำติดเครื่องปรับอากาศมาให้ ผนังอีกฝั่งหนึ่งโครงการทำให้เป็นวางทีวีและติดชั้นลอยบนผนังเพิ่มพื้นที่ใช้งานแนวตั้ง ใกล้กันเป็นโต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร

ส่วนห้องนอนไม่มีการกั้นห้องให้เพราะดีไซน์ของห้องสามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้โดยไม่รบกวนพื้นที่อื่นๆ ปลายเตียงมีที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าซึ่งโครงการใช้ตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่ ด้านข้างเป็นบานประตูแบบเลื่อนที่สามารถเปิดออกไประเบียงได้

ภาพตัวอย่างการตกแต่งภายในห้อง Type A1 ขนาด 21.5 ตร.ม.

ห้องถัดมาเป็นห้อง Type A1 เป็นห้อง Studio ขนาด 21.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยเท่ากับห้อง Type A2 แต่ห้องนี้จะมีหน้าลักษณะหน้ากว้าง โดยแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็น 4 ส่วน เริ่มจากห้องนั่งเล่นที่วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้พอดีติดกันมีโต๊ะเล็กสำหรับรับประทานอาหาร

สำหรับห้องนอนทางโครงการใช้กระจกบานสไลด์กั้นไว้ให้เพื่อเป็นตัวอย่างไอเดียสำหรับตกแต่งแบ่งความเป็นส่วนตัว หน้าต่างห้องนอนทำหน้าที่เป็นช่องน้ำแสงธรรมชาติเข้าสู่ห้องนั่งเล่นไปในตัว ด้านซ้ายของห้องมีทางเดินเล็กๆ แบ่งครัวขนาดกะทัดรัดที่ดีไซน์บายอนันดา ผนังส่วนห้องครัวติดกระเบื้องมาให้ เตาไฟฟ้า 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควันด้านบนเป็นของ MEX เช่นเดียวกับห้องลักษณะหน้าแคบ แต่ผนังฝั่งตรงข้ามชุดครัว ห้องตัวอย่างจะติดกระจกเงาเพื่อให้รู้สึกกว้างขึ้นซึ่งห้องจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว และเมื่อเข้าไปในห้องน้ำกันจะพบว่าวัสดุที่นำมาใช้มีความเหมือนกันกับห้องแรก แตกต่างที่ตำแหน่งการวางสุขภัณฑ์เท่านั้น สำหรับพื้นที่ระเบียงนอกจากแขวนแอร์คอมเพรสเซอร์ได้แล้ว ยังมีพื้นที่ว่างสำหรับตากผ้าหรือปลูกดอกไม้กระถางเล็กๆ ได้

ภาพตัวอย่างการตกแต่งภายในห้อง Type A2 ขนาด 21.5 ตร.ม.

ห้องสุดท้ายเป็นห้อง Type B เป็นห้อง One Bedroom ขนาด 30.5 ตร.ม. ฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาคือโต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงาน ห้องเก็บแอร์คอมเพรสเซอร์ 2 ตัวและระเบียงที่ใช้สอยได้ เมื่อเข้ามาพบโซนครัวที่เป็นชุดเดียวกันกับห้องอื่นๆ ฝั่งตรงข้ามวางตู้เย็นและต่อชั้นวางของเป็นไอเดียการตกแต่ง ถัดมาเป็นชุดโต๊ะทานอาหารที่วางมาเป็นแบบเข้ามุมเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ผนังด้านหลังส่วนโต๊ะอาหารติดแอร์คอนดิชันเนอร์ของซัมซุงมาให้ ต่อมาเป็นโซนห้องนั่งเล่นซึ่งสัดส่วนของพื้นที่และระยะใช้งานกว้างขวางกว่าห้องขนาด 21.5 ตร.ม.กั้นส่วนนี้กับระเบียงด้วยประตูบานเลื่อน

ถัดมาที่ระเบียงโครงการวางเครื่องออกกำลังกายมาให้ดูเป็นไอเดีย หรือสามารถใช้พื้นที่ส่วนนี้พักผ่อนอย่างอื่น เช่น อ่านหนังสือ ล้อมวงทานสุกี้กับกลุ่มเพื่อนก็เข้าที ส่วนที่ราวกันตกบริเวณระเบียงยังมีกระจกบานเลื่อน 2 ชั้นทำให้ความเย็นจากแอร์คอนดิชันเนอร์ทั่วถึงทั้งห้อง ส่วนห้องนอนเพิ่มพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานเป็นส่วนตัว มีตู้เสื้อผ้าบานสไลด์ประหยัดพื้นที่ และโซนห้องน้ำของห้องขนาด 30.5 ตร.ม. มีขนาดใหญ่กว่าอีกสองห้องที่ผ่านมา จัดวางไม่เหมือนกันแต่วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนกันกับห้องอื่นๆ

ภาพตัวอย่างการตกแต่งภายในห้อง Type B ขนาด 30.5 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างทั้งสามห้องมีแนวทางการตกแต่งที่เน้นความเรียบหรูแต่แฝงความเท่ไว้ด้วยสีดำ สีแดง และผนังที่ปูวอลล์เปเปอร์สีน้ำตาลเข้มสลับกับการติดกระจกเป็นลูกเล่นที่ทำให้พื้นที่ห้องดูกว้างขึ้น ทั้งยังทำให้ห้องมีเสน่ห์ที่น่าค้นหามากขึ้น สำหรับห้องจริงส่วนที่เป็นวอลล์เปเปอร์และกระจกทั้งหมดจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวให้ ซึ่งการตกแต่งจะขึ้นอยู่กับเจ้าของแต่ละห้องว่ามีสไตล์อย่างไร ค่าส่วนกลางของโครงการนี้ชำระ 55 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว)

โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 80% สำหรับห้องชุดที่ยังมีให้ครอบครอง เริ่มต้นที่ 1 ห้องนอน ขนาด 30.5 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นที่ 3.69 ล้านบาท โปรโมชั่นพิเศษอีกมากมาย

ติดต่อเข้าชมโครงการ ได้ที่ 0-2744-5506 ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษที่ www.ananda.co.th หรือที่ Call Center 0-2361-2222

แผนที่โครงการ Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate

ขอขอบคุณภาพจาก www.ananda.co.th