ขั้นตอนต่อมาหลังจากการสร้างโครงสร้างบ้านทั้งหมดแล้ว ก็คือขั้นตอนตกแต่งเพื่อความสวยงาม ซึ่งส่วนประกอบหลังของการเป็นบ้านที่จะบอกเล่าให้ทราบว่ากำลังพูดถึงบ้านหลังไหนก็คือ บ้านหลังนั้น “สีอะไร”

ซึ่งเฉดสีคงเป็นเรื่องรสนิยมส่วนตัว แต่การจะเลือกสีที่ใช้ทาบ้านเราไม่ได้เลือกแค่เป็นสีอะไร แต่ต้องดูไปถึงเป็นสีประเภทที่เหมาะกับพื้นผิวของบ้านหรือไม่ และสีที่เราเห็นอยู่บนผนังนั้น ไม่ใช่การทารอบเดียวจบ แต่ต้องมีการโป๊วผนัง ทาสีรองพื้น ก่อนทาสีจริงทับลงไปอีก 1 – 2 รอบ เป็นสีผิวหน้าที่เรามองเห็นกันอยู่ เพื่อให้ไม่พลาดเวลาซื้อสีทาบ้าน TerraBKK จึงขอพาไปรู้จักกับสีทาบ้านที่เราคุ้นเคยกันให้มากขึ้น

สารผสมในสีสีมีองค์ประกอบรวมกันทั้งสิ้น 4 ส่วนคือ

  • สารยึดเกาะ เป็นสารที่สำคัญที่สุด เพราะช่วยให้สีคงตัวมีความเงางามและยึดเกาะกับพื้นผิววัสดุได้เป็นอย่างดี
  • ผงสี คือสารที่ทำให้มองเห็นภายนอก ทราบว่าสีนี้เป็นสีอะไร
  • ตัวทำละลาย ทำให้สีไม่จับเป็นก้อนและช่วยให้สารยึดเกาะกับผงสีเป็นเนื้อเดียวกัน
  • สารอื่นๆ ถือเป็นตัวเสริมสำหรับสี อาจจะเป็นสารกันเชื้อรา กันชื้น

เมื่อทราบคร่าวๆ แล้วว่าสีมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ก็ถึงเวลาเลือกสีให้ให้เหมาะกับพื้นผิววัสดุและรูปแบบของการใช้งานแต่ละประเภท เช่น

  • สีรองพื้น ช่วยในการยึดเกาะของสี ทาก่อนลงสีที่เป็นสีสัน เพื่อทำให้สีติดแน่น ทนทาน
  • สีน้ำอะคริลิค หรือเรียกอีกอย่างว่าสีพลาสติก เป็นสีชั้นนอกสุดที่เราจะมองเห็น มีทั้งสีทาภายในและสีทาภายนอก ปกติแล้วสีทาภายนอกจะมีราคาแพงกว่าสีทาภายในเพราะมีความทนทานมากกว่า เหมาะกับงานคอนกรีต ปูน ผนัง ฝ้าเพดาน
  • สีน้ำมัน เป็นสีที่มีเนื้อเหนียว ทน เหมาะกับงานไม้และเหล็ก มีความสามารถในการยึดเกาะ
  • สีย้อมไม้ เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์ใช้กับไม้เป็นหลัก
  • สีเคลือบไม้ ทาทับสีย้อมเพื่อรักษาเนื้อไม้ บางชนิดถูกออกแบบมาให้โปร่งแสง สามารถเห็นลวดลายของไม้ได้อย่างชัดเจน
  • สีกันสนิม ใช้ทาอาคารส่วนที่เป็นเหล็กเพื่อเพิ่มความทนทาน ไม่ผุกร่อนง่าย

การเลือกสีให้ถูกประเภทและทาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จะทำให้โอกาสที่สีจะสวยติดทนนานมากขึ้น