เอสแอนด์พีเผยผลสำรวจอันดับความน่าเชื่อถือ 20 บริษัทชั้นนำไทย พบเข้าซื้อหุ้นมากสุดในอาเซียน สุ่มย้อนหลัง 6 ปี พบหนี้สินเพิ่มเกือบ 2 เท่า มูลค่า 6 แสนล้านบาท เทียบเท่าสิงคโปร์ สูงกว่าอินโดฯ-มาเลย์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน นายซาเวียร์ ยีน ผู้อำนวยการอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทธุรกิจประจำสิงคโปร์ของบริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) แถลงถึงผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของ 20 บริษัทชั้นนำของไทยเป็นครั้งแรก อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดทำอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทธุรกิจชั้น นำในอาเซียน เพื่อต้อนรับการรวมตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 นี้ ว่าผลจากการสำรวจเพื่อจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทชั้นนำของไทย 20 บริษัทแรก พบว่ามีการขยายตัวด้วยการครอบครองกิจการทั้งภายในและนอกประเทศสูงมากที่สุด ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกัน การครอบครองกิจการและการระดมเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลต่อคุณภาพเครดิตของ บริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากส่วนใหญ่ของการครอบครองกิจการดังกล่าวใช้เงินทุนที่เป็นหนี้สินมา ดำเนินการ นายซาเวียร์กล่าวว่า ระหว่าง ค.ศ.2008 (พ.ศ.2551) จนกระทั่งถึงไตรมาสแรกของ ค.ศ.2014 (พ.ศ.2557) หนี้สินของ 20 บริษัทดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบเป็นสองเท่า โดยเพิ่มขึ้นมารวมแล้วเกือบถึงระดับ 600,000 ล้านบาท ถือว่าเร็วกว่าอินโดนีเซียและมาเลเซีย แต่อยู่ในระดับเดียวกันกับสิงคโปร์ ในขณะที่กระแสเงินสดกลับลดลง อัตราการเติบโตที่เป็นค่ากลางลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6% ในปี 2013 จาก 13% เมื่อปี 2012 และ 15% ในปี 2011 ผลจากการนี้เอสแอนด์พีเชื่อว่า 20 บริษัทชั้นนำของไทยจะต้องเพิ่มการพึ่งพาหนี้สินมากขึ้นในการรักษาสัดส่วน ระหว่างเงินทุนกับผลกำไรให้อยู่ในระดับสูงต่อไป นายซาเวียร์กล่าวต่อว่า เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ยังคงรายได้ในระดับสูงต่อไปช่วยลดทอนความเสี่ยงของ ภาวะหนี้สูงดังกล่าวได้ และเชื่อว่าจะสามารถปรับตัวเข้ากับการยุติมาตรการผ่อนปรนทางการเงินของสหรัฐ อเมริกา ที่จะก่อให้เกิดภาวะดอกเบี้ยสูงแต่เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ ในขณะที่ประเมินว่าการแข่งขันทางธุรกิจหลังจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอา เซียนก็จะไม่สูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน เนื่องจากต่างก็เตรียมพร้อมและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไปมา แล้ว นายซาเวียร์กล่าวว่า สำหรับบริษัทชั้นนำของไทยที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้มี อาทิ กลุ่มที่จัดอยู่ในอันดับ A- ภาพรวมมีเสถียรภาพ และอันดับในกลุ่ม 10 ชาติอาเซียนเป็น AA (A-/Stable/axAA) ประกอบด้วย แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส, การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย, กรุงเทพดุสิตเวชการ, บ้านปู, บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์, เซนทรัลพัฒนา, เจริญโภคภัณฑ์อาหาร, ซีพีออลล์, โกลว์ เอเนอยี, อินทัช โฮลดิ้ง ส่วนบริษัท ไออาร์พีซี ได้รับอันดับ BB+/Stable/axBBB+, ปตท. สผ. BBB+Stable/axA+, พีทีที โกลบอล เคมิคัล BBB/Stable/axA ส่วนบริษัท ปตท.ได้อันดับ BBB+/Stable/axA+ เช่นเดียวกับการบินไทย และไทยเบฟ ส่วนไทยออยล์ อันดับเป็น BBB/Stable/axA เช่นเดียวกับ สยามซีเมนต์, โททัล แอคเซส คอมมูนิเกชั่น และทรู คอร์ป ที่มา : นสพ.มติชน