TerraBKK Research ได้ทำการรวบรวมผลประกอบการในกลุ่ม "เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT : Information & Communication Technology)" ย้อนหลังทั้งหมด 5 ปีตั้งแต่ปี 2554-2558 ซึ่งเพิ่งประกาศออกมาครบทุกบริษัทเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ โดย TerraBKK Research ได้ตัดบริษัทที่ทำธุรกิจหลักเกี่ยวกับการค้าปลีก-ส่ง อุปกรณ์สื่อสาร ออกไป บริษัทไหนสามารถสร้างผลประกอบการได้อย่างน่าจะประทับใจ ทั้งการเติบโตของรายได้ อัตรากำไรต่อหุ้น และมีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง จะมีบริษัทอะไรบ้าง สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ดังนี้

จากการสำรวจของ TerraBKK Research พบว่า บริษัทในอุตสาหกรรมสื่อสารที่มีตัวเลขผลประกอบการดี ทั้งการเติบโตของ รายได้ กำไรต่อหุ้น รวมถึงความสามารถในการทำกำไร และประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทน บริษัทเหล่านั้นได้แก่ THCOM : THAICOM PUBLIC, INTUCH : INTOUCH HOLDINGS และอีกบริษัทหนึ่งคือ FORTH : FORTH CORPORATION แต่ FORTH ยังมีรายได้ค่อนข้างผันผวน ลดลงบ้าง เพิ่ทขึ้นบ้างแม่แน่นอน นอกจากนั้นมีอีกบริษัทหนึ่งที่กลับมามีกำไรและกำไรค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับอดีตและมีรายได้เติบโต บริษัทนั้นก็คือ INET : INTERNET THAILAND

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

รายได้ (Revenue) ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่หลายบริษัท จากตัวเลขรายได้ของกลุ่มนี้เราจะเห็นว่ามีทั้งรายได้เพิ่มและรายได้ลดลงในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง บริษัทในกลุ่มสื่อสารที่มีรายได้มากที่สุด คือ ADVANC : ADVANCED INFO SERVICE มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 5 ปีต่อเนื่อง ซึ่งปี 2558 เพิ่มขึ้นเพียง +3.99% เท่านั้น รายได้รองลงมาคือ TRUE (+4.50%) และ DTAC (-3.10%) ส่วนบริษัทที่มีการเพิ่มขึ้นของรายได้มากที่สุด คือ JAS : JASMINE INTERNATIONAL (+169.33%), BLISS : BLISS-TEL (+81.83%), THCOM : THAICOM PUBLIC (+26.60%), INET : INTERNET THAILAND (+24.81%), FORTH : FORTH CORPORATION (+17.13%) และ INTUCH : INTOUCH HOLDINGS (+15.82%) โดยเกือบทุกบริษัทมีแนวโน้มรายได้เติบโตต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NPM) ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มสื่อสารบริษัทที่สามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิได้ดีที่สุด คือ INTUCH : INTOUCH HOLDINGS (54.93%) ซึ่งเป็นบริษัท Holding Company อันดับรองลงมา คือ JAS : JASMINE INTERNATIONAL (47%), ADVANC : ADVANCED INFO SERVICE (25.1%), THCOM : THAICOM PUBLIC (16.15%), CSL : CS LOXINFO (10.63%) และAIT : ADVANCED INFORMATION TECHNOLOGY (10.1%)

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างกำไรสุทธิของบริษัทกับสินทรัพย์ของบริษัท จะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ในการสร้างผลตอบแทน บริษัทในกลุ่มสื่อสารที่สร้าง ROA ได้สูงที่สุด คือ JAS : JASMINE INTERNATIONAL (59.96%), ADVANC :ADVANCED INFO SERVICE (33.18%), INTUCH : INTOUCH HOLDINGS (32.16%), CSL : CS LOXINFO (22.05%), AIT : ADVANCED INFORMATION TECHNOLOGY (14.97%) และ FORTH : FORTH CORPORATION (13.15%) ส่วนอัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงความสามารถของบริษัทในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น สำหรับบริษัทที่มี ROE มากกว่า 15% ได้แก่ JAS : JASMINE INTERNATIONAL (113.16%), ADVANC :ADVANCED INFO SERVICE (82.32%), INTUCH : INTOUCH HOLDINGS (64.1%), CSL : CS LOXINFO (49.67%), FORTH : FORTH CORPORATION (25.06%), PT : PREMIER TECHNOLOGY (23.05%), DTAC : TOTAL ACCESS COMMUNICATION (19.71%), AIT : ADVANCED INFORMATION TECHNOLOGY (19.25%), ILINK : INTERLINK COMMUNICATION (16.08%) เรียงจากมากไปน้อยไปตามลำดับ

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

กำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS) กำไรต่อหุ้นเป็นตัวชี้วัดที่นักลงทุนหลายคนติดตาม โดยเฉพาะการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของกำไรต่อหุ้น บริษัทที่มีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นมากที่สุด คือ JAS : JASMINE INTERNATIONAL (+384.78%), TRUE : TRUE CORPORATION (+157.14%), FORTH : FORTH CORPORATION (+37.14%), THCOM : THAICOM PUBLIC (+32.88%), MSC : METRO SYSTEMS CORPORATION (+16.33%), INTUCH : INTOUCH HOLDINGS (+8.91%) และ ADVANC :ADVANCED INFO SERVICE (+8.66%) แต่มีบ้างบริษัทที่กลับมามีกำไรเช่นกัน ได้แก่ INET : INTERNET THAILAND และ CSL : CS LOXINFO นอกจากนั้นยังมีบริษัทที่สามารถทำกำไรต่อหุ้นให้สามารถโตได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ THCOM : THAICOM PUBLIC, FORTH : FORTH CORPORATION และ INTUCH : INTOUCH HOLDINGS

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

หนี้สินต่อทุน (Debt to Equity) หนี้สินต่อทุนของบริษัทควรจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งจะหมายถึงสุขภาพทางการเงินดี และยังสามารถก่อหนี้เพิ่มได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุน แต่บริษัทที่มีหนี้สินต่อทุนมากกว่า 2 เท่าแสดงว่า วินัยทางการเงินค่อนข้างแย่มาก ไม่สามารถควบคุมสัดส่วนในการระดมทุนได้ดีนัก สำหรับอุตสาหกรรมนี้บริษัทที่มี D/E Ratio เกิน 2 เท่า ได้แก่ SAMART : SAMART CORPORATION, DTAC : TOTAL ACCESS COMMUNICATION, TRUE : TRUE CORPORATION , ADVANC :ADVANCED INFO SERVICE, SIM : SAMART I-MOBILE และ JAS : JASMINE INTERNATIONAL

อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช้ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนหักต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน

อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณสูงแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูง

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้ แหล่งข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก