อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ "Ananda" นับเป็น "น้องใหม่" หากเทียบกับบิ๊ก 5 อสังหาฯ (LH, Sansiri, Pruksa, AP and Supalai) แต่กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การขับเคลื่อนของ ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ได้นำอาณาจักรใหม่ของตัวเองเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยแนวคิดใหม่ จนเติบโตกลายเป็น "น้องใหม่ที่เจ้าใหญ่ต้องจ้องมอง"

อนันดาฯ เดินทางเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เมื่อปี 2554 และก้าวย่างได้อย่างงดงาม ในอัตราการเติบโตก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ในปี 2557 มียอดขายกว่า 20,898 ล้านบาท นับว่าเป็นการทำสถิตินิวไฮ หลายรายการเมื่อเทียบกับปี 2556 โดยมีรายได้ 10,580 ล้านบาท เติบโต 15% มีกำไรสุทธิ 1,301 ล้านบาท เติบโต 60% อัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 9% เป็น 12% และเมื่อต้นปี 2558 กับการเปิดตัว 6 โครงการใหม่ ประกอบด้วย 3 โครงการแนวสูง Ashton Chula-Silom, Ashton Residence 41 และ UNIO Condo กับอีก 3 โครงการแนวราบ Arden ลาดพร้าว 71, Arden พัฒนาการ และ Arden พระราม 3 ทั้ง 6 โครงการสร้างยอดขายรวมมูลค่าสูงถึง 8,947 ล้านบาท เหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "อนันดา" คือ "ดาวรุ่ง" ที่เจ้าเก่าต้องหวั่นเกรงและจับตามอง

4 หัวใจสำคัญ (Key Success)ที่ทำให้คลื่นลูกใหม่รายนี้ ก้าวขึ้นมายืนบนสนามศึกได้อย่างภาคภูมิ

อันดับ 1 คือ ความมั่นคงทั้งของโครงสร้างผู้บริหาร ผลประกอบ รวมถึง "Vision" และ "Mission" ภายใต้นโยบาย "One Step Ahead" การก้าวเหนือคู่แข่ง 1 ก้าว และ "Best Value for Money" คุ้มค่าทุกมิติ

จาก "Vision : One Step Ahead" การก้าวเหนือคู่แข่ง 1 ก้าว นั่นคือ Ananda เลือกวางคอนเซ็ปต์ผลิตภัณฑ์เป็น คอนโดฯ เกาะแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะมองว่าอนาคตอสังหาฯ จะโตไปกับระบบขนส่งมวลชน ทำให้ความต้องการทำเลใกล้รถไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ปี 2550 ถึง ไตรมาส 2 ปี 2558 นี้ รวม 5 แบรนด์ ASHTON,Q, IDEO, ELIO และ UNIO มีมากถึง 30 โครงการ 22,003 ยูนิต มียอดขายรวมกว่า 84%

สังเกตได้ว่าแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การริเริ่มของ อนันดา ไม่ว่าจะเป็น ASHTON,Q, IDEO, ELIO หรือน้องใหม่อย่าง UNIO ก็ล้วนแล้วแต่มีทำเลใกล้รถไฟฟ้าไม่เกิน 300-600 เมตร ตอบโจทย์ทุกมิติความต้องการของคนเมืองทั้งในเชิงทำเล งบประมาณในกระเป๋าของผู้บริโภค และความโดดเด่นด้านดีไซน์ตัวอาคารออกแบบให้เป็น งานศิลปะ (Craft) สร้างสรรค์ใหม่ทุกครั้ง เรียกได้ว่า "ไม่ทำสินค้าแบบโหลๆ" เหมือนกันทุกโครงการนั่นเอง

และความมุ่งมั่นของนายชานนท์ กับ "Mission : Best Value for Money" ตั้งแต่การเลือกซื้อที่ดินในทำเลที่ดีที่สุด "Best Location" ตอบสนองคนเมือง แต่จะไม่ยอมไล่ราคาที่ดินแบบบ้าคลั่ง หรือไม่ยอมซื้อที่ดินที่ราคาแพงที่สุด ณ ทำเลใดๆ เนื่องด้วย Ananda ปักธงยึดเป้าหมายที่จะส่งมอบ คอนโดมิเนียมที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ให้มูลค่าเพิ่มได้ 6-8% ต่อปี (Capital Gain) ซึ่งนับว่าเป็นผลตอบแทนด้านการลงทุนที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดิน

ที่ผ่านมา กว่า 16 โครงการภายใต้แบรนด์ของ IDEO มียอดขายเกินกว่า 95% ก่อนที่โครงการจะสร้างเสร็จ จึงเป็นเสมือนตัวเร่งที่ส่งให้อนันดามายืนเป็น "เบอร์หนึ่ง" ในการพัฒนาคอนโดมิเนียมได้อย่างสง่าผ่าเผยในปี 2557 นั่นเอง และคงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า วิสัยทัศน์ของนายชานนท์ เป็นความจริง

อันดับ 2 คือ การตีโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นพฤติกรรมหลักของคนในสังคมไทย (Core Generation) กลุ่ม Gen C ได้แตกกระจุย

โดยพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค 2000 นี้ สำหรับมุมมองของซีอีโอชานนท์ ได้ให้คำจำกัดความใหม่ว่า คือ "กลุ่ม Gen C" นั่น คือ กลุ่มคนทุกเพศทุกวัยที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว มีพลังในการขับเคลื่อนและจุดประกายของชีวิตตลอดเวลา อยากใช้ชีวิตแบบ 360 องศา ครบทั้ง live work and play ดังนั้นการทำให้คนกลุ่มนี้ ได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบนี้ในสังคมเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขกาย สบายใจ คือ ช่วยพวกเขาประหยัดเวลา โดยการมอบไลฟ์สไตล์ชีวิตติดรถไฟฟ้าที่จะช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องอยู่บนรถติดวันละ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงโดยเฉลี่ยแล้ว คนกรุงเทพมีชีวิตติดอยู่บนถนนถึง 44 วันต่อปี จนเกิดศัพท์ที่เรียกว่า "Urban Suffering"

ปัจจุบันกรุงเทพฯ มีสถานีรถไฟฟ้า 67 สถานี และแนวโน้มในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมี 100 สถานี และอีก 10 ปีคาดว่าจะมีสถานีรถไฟฟ้ารวมกว่า 245 สถานี จากการเปลี่ยนแปลงนี้ อนันดาฯ จึงมีความมั่นใจในการมุ่งกลยุทธ์ด้าน "ทำเล" เกาะแนวรถไฟฟ้า และเมื่อกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ Gen C กลยุทธ์การทำตลาดของ Ananda นอกจากวิธีทั่ว ๆ ไปแล้ว ยังเริ่มเข้าไปสู่กลุ่มโซเชียลมีเดีย โดยปัจจุบันแฟนเพจอนันดามีมากกว่า 6 แสนคนแล้ว อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง "ทุกช่องทาง" ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเกอร์และช่องทางโซเชียลมีเดียเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้าสมาชิก AMC : Ananda Member Club กลุ่มลูกค้าเก่าที่มีแรงซื้อต่อเนื่อง โดยเน้นสร้างความสัมพันธ์ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้ง การจัดงานสัมมนา และงานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อสร้างความผูกพันธ์

อันดับ 3 อนันดาฯ เสริมความแข็งแกร่งด้วยการผนึกกำลังกับ มิตซุย จากญี่ปุ่น Mitsui Fudosan

ในปี 2556 อนันดา เสริมความแกร่งด้วยการจับคู่พันธมิตรกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น Mitsui Fudosan ในรูปแบบการร่วมทุนเพื่อต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะการแบ่งปันความรู้ในการบริหารงานก่อสร้างเชิงคุณภาพ (Total Quality Management : TQM) และด้านเงินทุน และในปี 2558 นี้ พร้อมประกาศกระโดดสู้ศึกทุกตลาดทุกโปรดักส์ เพื่อมุ่งสร้างกลยุทธ์เติบโตสู่ยอดรับรู้รายได้ 5 หมื่นล้านบาท ในปี 2563 เริ่มออกตัวแรงตั้งแต่ต้นปีด้วยเป้าหมายสู่ความเป็น "เบอร์หนึ่ง" ของตลาดคอนโดฯ

มิตซุย ฟูโดซัง Mitsui Fudosan จับมือเป็นพันธมิตรคู่กับ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ โดย อนันดาฯ จะถือครองหุ้นในสัดส่วน 49% กลุ่มมิตซุย 49% และนักลงทุนรายย่อยถือหุ้นสัดส่วน 2% ที่เหลือ ภายใต้ บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย (Ananda MF Asia) อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม อนันดาฯ ร่วมทุน มิตซุย ฟูโดซัง พัฒนาคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 1.9 หมื่นล้าน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง 2

อันดับ 4 เปิดตัวโครงการ ในทุกทำเลอย่างต่อเนื่องทั้งเพื่อสร้างแบรนด์ และยึดทำเลศักยภาพสูงทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส BTS สายสขุมวิท-ธนบุรี และ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT

อนันดาฯ มีตราสินค้าคอนโดมิเนียมทั้งหมด 5 ตราสินค้าที่รองรับกลุ่มลูกค้าที่มีค่านิยมในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน และครอบคลุมกำลังซื้อของผู้บริโภคทุกเซ็กเม้นท์ ดังนี้

  • ASHTON ระดับราคา 8-15 ล้านบาท หรือราคาเริ่มต้น 220,000 บาทต่อ ตร.ม. เป็นแบรนด์ระดับไฮด์เอนด์ รองรับกลุ่มผู้ชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบหรูหราระดับเฟิรสคลาส
  • Q ระดับราคา 5-7 ล้านบาท หรือราคาเริ่มต้น 160,000 บาทต่อ ตร.ม. เป็นแบรนด์ระดับลักชัวร์รี่ รองรับผู้มีรสนิยมใช้ชีวิตอย่างผู้นำ หลงใหลความล้ำสมัย
  • IDEO (Ideo Mobi – Ideo Q) ระดับราคา 2-5 ล้านบาท หรือราคาเริ่มต้น 70,000 บาทต่อ ตร.ม. เป็นแบรนด์สำหรับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ วัยทำงานที่หลงรักการใช้ชีวิตที่อิสระ เต็มที่กับชีวิต
  • ELIO และ UNIO ระดับราคา 0.8-2 ล้านบาท หรือราคาเริ่มต้น 35,000 บาทต่อ ตร.ม. เป็น Fighting Brand ของอนันดาฯ ออกมาเพื่อสกัดกั้นคู่แข่งใหม่ ด้วยราคาถูกที่สุดในทำเลนั้นๆ

และครึ่งปีหลัง 2558 นี้ อนันดาฯ เตรียมส่งอีก 4 โครงการใหม่ล่าสุดติดสถานีรถไฟฟ้า BTS Green Line (สายสุขุมวิท) มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Ananda Urban Pulse จังหวะชีวิตของคนเมืองรุ่นใหม่กับการอยู่อาศัยแห่งอนาคต" ที่ยังคงย้ำจุดยืนเดิมตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่ม Gen C กับจุดยืน "คุ้มค่าแก่การลงทุน ทั้งวันนี้และในอนาคต"

มั่นใจครึ่งปีหลัง พร้อมปักหลักชูธง ANANDA URBAN PULSE สู้ศึกครึ่งปีหลัง 2558 กับ 4 โครงการติดสถานีรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท "BTS Green Line" มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ดังนี้

Q Chidlom–Phetchaburi (คิว ชิดลม เพชรบุรี) ในราคาเริ่มต้น 5.5 ล้าน 650 เมตรจาก BTS ชิดลม เชื่อมสู่แหล่งอำนวยความสะดวกระดับโลก เช่น Central World, Central Embassy และ Gaysorn Plaza ทำเลศักยภาพแห่งอนาคต ด้วยหลากหลายโครงการที่กำลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น The Market, Makkasan Project, RSU Hospital และ King Place Market โดดเด่นด้วยสุนทรียะแห่งการพักผ่อนเหนือระดับกับส่วนกลางทั้งหมด 3 ชั้น ตั้งแต่ชั้น 40-42 สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความล้ำสมัย ด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built-in เหนือระดับ ดีไซน์อย่างสอดรับลงตัว ในรูปแบบ Luxury Futuristic พร้อมสัมผัสทัศนียภาพของไลฟ์สไตล์ใจกลางเมืองบนจุดสูงสุดกับวิวเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ

Q Chidlom–Phetchaburi (คิว ชิดลม เพชรบุรี)

Q Thirty-One (คิว สุขุมวิท 31) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "My Private Space" เน้นความเป็นส่วนตัว เพียง 87 ยูนิต การออกแบบเพื่อตอบสนองวิถีชีวิตครอบครัวคนเมืองรุ่นใหม่ ให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างอบอุ่นในพื้นที่โล่งกว้าง เด็กๆ เติบโตขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เพียบพร้อมทุกมิติ Live-Learn-Play แวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว Vertical Courtyard ผืนน้ำล้อมรอบ สระว่ายน้ำส่วนตัว ผ่อนคลายไร้กังวลกับระบบรักษาความปลอดภัยสมบูรณ์แบบ (Finger scan and CCTV) ใกล้สถานศึกษาชั้นนำ อาทิเช่น โรงเรียนสาธิตประสานมิตร และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร พร้อมเดินทางเชื่อมต่อสู่แหล่งธุรกิจและศูนย์การค้าย่านสุขุมวิท Em District

Q Thirty-One (คิว สุขุมวิท 31)

Ideo O2 (ไอดีโอ โอทู) ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา และ Bangkok Mall เริ่มต้น 2.2 ล้าน กับที่สุดพื้นที่ส่วนกลางรวมเกือบ 10 ไร่ เปิดประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในคอนโด และการอยู่อาศัยที่เหนือกว่า โดดเด่นด้วยการวางผังอาคารโครงการเน้นเปิดพื้นที่โล่งต่อเนื่องตลอดแนว (Green and Water Park) ทุกส่วนของอาคารอยู่ใกล้ชิดกับสวนและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ตื่นตาตื่นใจไปกับพื้นที่ส่วนกลางที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกิจกรรมเพื่อสุขภาพ ทั้ง สนามปั่นจักรยาน (Mountain Bike Ring) ท่ามกลางสวนเขียวของธรรมชาติ Certified by Peppermint Bike Park ตลอดจนเลนปั่นจักรยาน (Bike Track) ระยะทางรวมกว่า 750 เมตร สนามฟุตซอล (Futsal) มาตรฐานสากล และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 3 สระ 3 โซน ยาวตลอดต่อเนื่องทั้งโครงการ กว่า 200 เมตร ด้วยคอนเซปต์ Aerial lagoon, Ozone creek และ Oxy cascade และฟิตเนสเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่อุปกรณ์ครบครัน

เอาใจคนรุ่นใหม่ด้วย Co-Working Space & Internet WiFi Provided พื้นที่พิเศษที่ให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายๆ พร้อมด้วย Coffee Shop and Convenience Store ตลอด 24 ชั่วโมงภายในโครงการ พร้อม Shuttle Bus รับ-ส่งถึงสถานี

Ideo O2 (ไอดีโอ โอทู)

Ideo S115 (ไอดีโอ สุขุมวิท 115) ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีปู่เจ้าสมิงพราย เริ่มต้น 1.99 ล้านบาท คอนเซ็ปต์ "Live On Track" ตอบโจทย์ลงตัวสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตติดรถไฟฟ้า กับมาตรฐานความเป็นอยู่เหนือระดับ ในราคาที่จับต้องได้ คุ้มค่าสำหรับการลงทุนเพื่ออนาคต เพราะโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เดินทางสะดวกทั้งรถไฟฟ้า และรถยนต์ส่วนตัว อยู่ห่าง Bangkok Mall เพียง 3 สถานี ใกล้ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์อย่างทองหล่อ และ Em District ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน เชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวกรวดเร็ว พร้อมชุดเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบชุด (Fully furnished) คุ้มค่าที่สุดในย่านนี้

Ideo S115 (ไอดีโอ สุขุมวิท 115)

จากคำกล่าวที่ว่า "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" การเดินทางของนายชานนท์ กว่า 8 ปี กับความตั้งใจสร้างอาณาจักร อนันดาฯ จากบริษัทเล็กๆ ที่ไม่อยู่ในสายตา คงสร้างความสั่นคลอนให้กับ Big 5 ไม่น้อย เลยทีเดียว –บทความโดย เทอร์ร่า บีเคเค

สามารถดูรายละเอียดและรูปเพิ่มเติมได้ที่ www.ananda.co.th

อนันดาฯ ทะลุเป้าไตรมาส 3 ปลื้มยอดขายแคมเปญ "ANANDA URBAN PULSE" ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)โชว์ความสำเร็จบรรลุเป้าไตรมาส 3 ด้วยยอดขายเกินกว่า 4,400 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ พร้อมประกาศความสำเร็จจากการจัดแคมเปญ "ANANDA URBAN PULSE" สามารถกวาดยอดขายในงานรวมกว่า 3,000 ล้านบาท