อีก 2 ปีข้างหน้า เราก็จะได้เห็น “เดอะ ฟอเรสเทียส์” โครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่กว่า 398 ไร่ ติดถนนบางนา-ตราด ช่วงกม.7 เสร็จสมบูรณ์เต็มรูปแบบ ซึ่ง “เดอะ ฟอเรสเทียส์” นี้เป็นหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ไฮไลท์ของโครงการนี้ คือการเชื่อมโยงพื้นที่ป่าสีเขียวขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ ให้ผสมผสานใกล้ชิดกับพื้นที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดฯ High Rise, คอนโดฯ Low Rise, บ้านเดี่ยวหรูระดับ Super Luxury และภายในโครงการยังมีทั้งโรงพยาบาล, ศูนย์การค้า และโรงแรมอีกด้วย

 

“มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” เรสซิเดนซ์สุดหรู ที่ได้แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตครอบครัวคนไทย

ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกท่านมาที่ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” โครงการบ้านเดี่ยวหรูระดับ Super Luxury ที่นำเสนอแนวคิดในการออกแบบโดยใช้แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตครอบครัวคนไทย ที่มักปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน ทำให้สมาชิกในครอบครัวหลายเจเนอเรชั่นไปมาหาสู่พบปะกันอยู่เสมอ ขณะเดียวกันการสร้างบ้านสไตล์คลัสเตอร์ที่มีบ้านมากกว่าหนึ่งหลังให้เชื่อมต่อถึงกัน ยังทำให้คนแต่ละเจเนอเรชั่นมีอิสระในการดีไซน์ตกแต่งภายในบ้านให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้และรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยการอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยวของตัวเองได้ดี

สำหรับคอนเซ็ปต์ดีไซน์ของ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” จะเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 37 วิลล่า บนที่ดินพื้นที่ 26 ไร่ ภายในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่ออกแบบโดย Foster+Partners โดยแต่ละวิลล่าจะมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 1,000-1,700 ตารางเมตร มี 3 ขนาด ตั้งแต่ 4-6 ห้องนอน

โดยแต่ละครอบครัวสามารถเลือกซื้อบ้านที่มีขนาดแตกต่างกัน จำนวน 2-3 หลัง หรือได้มากถึง 4 หลัง เพื่อรวมเป็นคลัสเตอร์ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะเชื่อมต่อกันด้วยสะพานส่วนตัวเชื่อมต่อระหว่างบ้าน เพื่อเป็นทางเดินหลักทำให้สมาชิกทุกวัยภายในครอบครัวเดินไปมาหาสู่กันของแต่ละบ้านได้อย่างสะดวก

ขณะที่งานดีไซน์บ้านแต่ละหลังในคลัสเตอร์ จะถูกออกแบบให้บ้านหันหน้าเข้าหากัน เพื่อให้ความรู้สึกได้อยู่อาศัยใกล้ชิดกันกับสมาชิกในครอบครัว และยังให้ความเป็นส่วนตัวด้วยระแนงที่สามารถเลื่อนบังสายตาได้รอบบ้าน

“บ้านคลัสเตอร์” รับครอบครัวใหญ่ เพื่อความสุขให้ทุกช่วงวัย

โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านมาดูบ้านตัวอย่างในโครงการ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” จำนวน 2 หลัง ซึ่งเป็นบ้านแบบ Roseberry Villa (ไซส์ S) ขนาด 4 ห้องนอน และบ้านแบบ Vision berry Villa (ไซส์ M) ขนาด 5 ห้องนอน) โดยในบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งให้เห็นพื้นที่การใช้งานภายในบ้านอย่างครบครัน

บ้านตัวอย่างแบบ Roseberry Villa

สำหรับบ้านตัวอย่างแบบ Roseberry ตัวบ้านจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน ซึ่งถ้าดูจากแปลนแล้วจะเห็นว่าแนวคิดในการออกแบบบ้านตัวอย่างทั้ง 2 แบบ จะมีลักษณะคล้ายกับบ้านเรือนไทย โดยทางเข้าหลักของบ้านจะเริ่มต้นที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน และปรับให้ลานจอดรถลงไปอยู่ที่ชั้นใต้ดิน เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่บริเวณชั้น 1 ได้หลากหลายมากขึ้น และอีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านในโครงการนี้ก็คือโครงการได้มีการติดตั้งโซล่ารูฟ นับเป็นโครงการแรกของไทยที่ใช้แบตเตอรี่ของเทสล่าในการเก็บไฟฟ้า โดยสามารถเก็บไฟฟ้าได้ถึง 14 กิโลวัตต์ และสามารถนำไฟฟ้ามาใช้ในภายในบ้านได้ด้วย

ความพิเศษของการออกแบบในโครงการ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” เป็นไปตามแนวคิดหลักของเดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการเมืองที่ ออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น ทำให้ภายในตัวบ้านของ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” ทุกหลังได้ถูกออกแบบโดยใช้หลัก For all well-being ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกชีวิตและสัตว์ต่างๆ ให้สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ทำร้ายกัน ซึ่ง “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” ได้ออกแบบโดยลดพื้นที่เหนือฝ้าให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อป้องกันสัตว์และฝุ่นที่จะเข้าไปสะสม และก่อผนังชนท้องพื้นโครงสร้างเพื่อลดโอกาสที่สัตว์ต่างๆ จะเข้าไปอยู่อาศัยใต้หลังคา

ขณะที่การออกแบบพื้นที่ใช้สอยก็แบ่งให้บริเวณชั้น 1 เป็นส่วนของพื้นที่สวนหน้าบ้าน ด้านในเป็นพื้นที่สำหรับให้แม่บ้านอยู่อาศัย ส่วนซักล้าง ห้องซักผ้า ห้องเก็บของ และห้องครัวไทยซึ่งทางโครงการได้มีการติดตั้งชุดเครื่องครัว และเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้แล้ว ซึ่งการแบ่งโซนแบบนี้ทำให้การทำงานของแม่บ้านมีความสะดวกมากขึ้นด้วย

สำหรับบ้านทุกหลังใน “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” จะมีการติดตั้งลิฟท์มาให้เรียบร้อยแล้ว เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าบ้าน เพราะทางเข้าหลักจะอยู่ที่ ชั้น 2 ของบ้าน รูปแบบบ้านจากทางขึ้นก็จะพบกับส่วน Courtyard ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลาง (ลูกบ้านสามารถเลือกพันธุ์ไม้ปลูกได้)

สำหรับในส่วนชั้น 2 จะแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่น ส่วนทานอาหาร ซึ่งโครงการได้ติดตั้งมุ้งลวดไฟฟ้า เพื่อใช้สำหรับการเปิดประตูกระจกและป้องกันแมลงเข้ามารบกวนภายในบ้านด้วย และห้องนอนจำนวน 2 ห้อง โดยความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานทั้งบ้านจะอยู่ที่ราว 3.2 เมตร ขณะที่โถงกลางจะสูงถึง 8.2 เมตร

ที่บริเวณชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ส่วนของ Master Bedroom และห้องนอน ซึ่งถูกจัดฟังก์ชั่นให้แยกอยู่ในโซนหน้าบ้านและหลังบ้าน ซึ่งบ้านทุกหลังในโครงการนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวสูง ทำให้ภายในห้องนอนทุกห้องจะมีห้องน้ำส่วนตัว และมีพื้นที่เพียงพอสำหรับ Walk in Closet นอกจากนี้ในตัวบ้านทุกหลังยังมีการใช้น้ำเย็นจาก CUP แทนการใช้น้ำยา ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องมีพัดลม Condensing Unit ที่ภายนอก จึงลดการใช้ไฟฟ้าเพื่อมาจ่ายพัดลม และลดการสร้างความร้อนจากการระบายอาการของ พัดลมแก่อากาศภายนอก

บ้านตัวอย่างแบบ Vision berry Villa

บ้านขนาดไซส์ M ซึ่งอยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน เดินเชื่อมกันผ่านสะพานกลาง ฟังก์ชั่นของบ้านแบบ Vision berry Villa จะเพิ่มมาในส่วนของสระว่ายน้ำ ที่อยู่ภายในพื้นที่บ้าน รวมถึงพื้นที่ชั้น 1 ที่มีห้อง Hobby Room ซึ่งสามารถปรับเป็นห้องฟิสเนสหรือห้องกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามต้องการ

 “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” ถูกออกแบบให้เป็นวิลล่าระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ที่คำนึงถึงการเชื่อมต่อคนในครอบครัวทุกเจนเนอเรชันให้มาใกล้ชิดกันได้มากยิ่งขึ้น ทำให้การออกแบบพื้นที่ภายในบ้านจึงมีส่วนโถงกลางที่มีขนาดใหญ่ โดยวิลล่าหลังใหญ่ที่สุดมีห้องรับประทานอาหารและพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพื่อให้ทั้งครอบครัวที่มีสมาชิกทุกเพศทุกวัย มารวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันได้ในบ้านหลังเดียว โดยบางวิลล่าสามารถนั่งล้อมโต๊ะทานข้าวกันพร้อมกันได้ถึง 20 คน หรือมากกว่านั้น โดยบ้านแบบ Vision berry Villa ในส่วนโถงมีความสูงพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 9.5 เมตรเลยทีเดียว

ภายในตัวบ้านใช้ระบบน้ำเย็นจาก CUP ทำให้บริเวณพื้นจะมีความเย็นอยู่ด้วย พร้อมวางตำแหน่ง Air จะคำนึงถึงตำแหน่งที่ไม่ต้องติดตั้ง Duct (ท่อลม) เนื่องจากภายในท่อจะเป็นที่สะสมเชื้อ โรค และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยป่วยได้ การรับประกัน 30 ปีของ MQDC ครอบคลุม 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ โครงสร้าง, หลังคา โครงสร้าง หลังคา / ดาดฟ้า, FACADES, และระบบท่อ นอกจากนี้ในตัวบ้านยังมีระบบเติมอากาศ ทำงานผ่านแผ่นกรองอากาศ MERV 14 ที่สามารถ กรองฝุ่น PM2.5 ได้มากกว่า 90%

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางในโครงการ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” จะอยู่ที่บริเวณตรงกลางของกลุ่มอาคาร โดยภายในพื้นที่ส่วนกลางจะมีส่วนของ Mulburry Reserve Club  เป็นพื้นที่ให้เฉพาะลูกบ้านของมัลเบอร์รี่ โกรฟ เข้ามาใช้บริการนั่งเล่น จิบกาแฟ ทานเครื่องดื่ม ขณะที่ส่วนชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ของ The Play Room (Kids Room), The Studio (Exercise Area),  Yoga Room, Stream Room and Sauna และสระว่ายน้ำ ซึ่งบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง จะเป็นจุดเชื่อมต่อทางเดิน ไปยังทางเดินยกระดับที่ทอดยาวทะลุผืนป่ายาว 1.6 กิโลเมตร ให้ผู้อาศัยได้เดินสัมผัสธรรมชาติป่ากลางเมือง ที่ให้คุณได้สร้างสรรค์เวลาสุดพิเศษกับครอบครัวได้อย่างไม่จำกัด

 

องค์ประกอบของการออกแบบพิเศษที่โดดเด่นของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ทั้งป่าบนพื้นที่ 30 ไร่บริเวณใจกลางโครงการ รวมกับงานดีไซน์ตัวบ้านที่เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวใหญ่ ทำให้โครงการ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” เป็นหนึ่งในวิลล่าระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ที่จะมอบความพิเศษให้กับการพักอาศัยเชื่อมต่อคนในครอบครัวทุกเจนเนอเรชันให้มาใกล้ชิดกัน ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ จึงไม่น่าแปลกใจที่วิลล่าระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ราคา 185 - 310 ล้านบาทแห่งนี้ จะสามารถดึงดูดลูกค้าเข้ามาจองซื้อได้อย่างต่อเนื่อง