สวัสดีครับเพื่อนๆหลายคนคงมีข้อสงสัยว่าเราจะเลือกยางรุ่นไหนให้เหมาะสมกับรถของเราดีใช่ไหมครับเพราะ ยางมีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นให้เราเลือกอีกด้วย ซึ่งยางแต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกันครับเพราะฉะนั้นวันนี้ไทร์บิดจะมาช่วยแนะนำวิธีการเลือกรุ่นและลายดอกยางเบื้องต้นให้เพื่อนๆเข้าใจมากขึ้นครับ

            วิธีการเลือกประเภทยางนั้นหลักๆจะมี 5 การเลือกใช้ กลุ่มยางประหยัดน้ำมัน กลุ่มยางที่เน้นนุ่มเงียบ กลุ่มยางเน้นการขับสไตล์สปอร์ต กลุ่มยางบรรทุกสินค้า และกลุ่มยางแนว on/off road ครับผม ซึ่งวิธีการดูจะมีดังนี้ครับ

            สำหรับกลุ่มประหยัดพลังงานส่วนมากจะเป็นยางไซส์รถขนาดเล็กจนถึง D-segmentรุ่นปกติ (camry,accord ฯลฯ) ซึ่งแนะนำว่าเป็นยางที่เหมาะสมใช้ในเมืองที่มีความเร็วไม่สูงมากและต้องออกตัวบ่อยๆครับ เพราะยางกลุ่มนี้จะมีลักษณะพิเศษกว่ากลุ่มอื่นๆตรงที่ยางสูตร Energy จะมีการคืนตัวของเนื้อยางเมื่อสัมผัสกับถนนที่เร็วกว่าทำให้เวลาออกตัวหรือวิ่งบนถนนใช้พลังงานที่น้อยกว่าปกติครับ แต่ ก็ข้อเสียเล็กๆหากในกรณีที่เพื่อนๆชอบขับเร็วกับยางกลุ่มนี้อาจจะรู้สึกร่อนๆเล็กน้อยเมื่อใช้งานขับเร็วๆ และอีกข้อที่เป็นจุดดีของยางกลุ่มนี้ก็จะเป็นเรื่องของการขับสบายครับเพราะโดยปกติจะเป็นยางกลุ่มcomfort จะมีความนุ่มเงียบในระดับที่น่าพอใจครับซึ่งเหมาะสำหรับคนเมืองแน่นอนครับ ยกตัวอย่างเช่น “Michelin XM2+ energy , Dunlop EC300 ensave , Bridgestone Ecopia EP300 , Honkook Kinergy เป็นต้น”

            สำหรับกลุ่มที่สองของเราจะเป็นกลุ่มที่เน้นความนุ่มเงียบครับจะสำหรับกลุ่มรถตั้งแต่B-segment ขึ้นไปครับ กลุ่มนี้ถือว่าเป็นยางที่สมรรถนะสูงขึ้นมาจากกลุ่มยางประหยัดน้ำมันกลุ่มแรกทั้งในเรื่องการยึดเกาะถนน การรีดน้ำ และ ความนุ่มเงียบ ครับ โดยส่วนมากยางประเภทนี้จะมีลายดอกยางแบบไม่สมมาตร(หน้ายางด้านซ้ายไปถึงด้านขวาลักษณะไม่เหมือนกัน) และมีลายดอกยางที่ถี่มากกว่าครับเพื่อลดในเรื่องของเสียงครับผม ซึ่งยางกลุ่มนี้ด้วยสภาพโครงยางที่มีการซัพแรงกระแทกได้มากกว่าขึงทำให้เวลาขับขี่นั่นมีความนุ่มนวลแถมยังช่วยลดพลังงานให้กับผู้ขับขี่ได้อีกด้วยเนื่องจากการสั่นที่น้อยขณะขับขี่ก็จะยกตัวอย่างก็จะมียางเป็นรุ่น Michelin Primacy4 , Bridgestone Turanza T005A , Continental UC6 , Yokohama V552 เป็นต้น
            สำหรับกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มยางที่เน้นการขับสไตล์สปอร์ต ซึ่งยางกลุ่มนี้ จะมีหน้าที่หลักๆ 3 ประการคือ ต้องรีดน้ำได้ดี เกาะถนนได้ดี และเข้าโค้งได้ดี ซึ่งลายดอกยางจะเป็นลายดอกยางที่แบบไม่สมมาตร และ ดอกยางทิศทางเดียวครับ โดยดอกยางสองประเภทนี้จะใช้งานแตกต่างกันคือ แบบไม่สมมาตรจะให้การยึดเกาะถนนเวลาเข้าโค้งได้ดีกว่า แต่ส่วนดอกยางทิศทางเดียวจะให้สมรรถนะทางตรงที่ดีกว่าและรีดน้ำได้ดีกว่าครับ ส่วนโครงยางของกลุ่มประเภทนี้จะมีความแข็งมากกว่ากลุ่มที่เน้นนุ่มเงียบ เพื่อลดการโยนตัวขณะเข้าโค้ง และ ทำให้การทรงตัวเวลาขณะขับทางตรงนิ่งกว่าครับ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มยางที่มีสมรรถนะในเรื่องการยึดเกาะถนนดีที่สุดใน 3 กลุ่มครับผมเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเร็วขับสนุกครับ ยกตัวอย่างเช่น Michelin Pilot sport 4 , Bridgestone T005A , Continental MC6 , Goodyear F1D5 , Maxxis I-Pro , Apollo Aspire เป็นต้น ส่วนกลุ่มรถ SUV ก็จะเป็น Michelin Primacy SUV , Bridgestone HL001 , Continental UC6 SUV , Dunlop PT3 , Maxxis HT770 , Apollo Apterra HT2 เป็นต้น

            สำหรับกลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มยางบรรทุกน้ำหนัก โดยทางไทร์บิด ของเราจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือบรรทุกหนักต่ำกว่า 2 ตันและ มากกว่า 2 ตัน ซึ่ง ยางกลุ่มนี้จะมีตัวอักษรที่อยู่บนยางก็คือ “Light truck” สำหรับยางกระบะทั่วไปเน้นบรรทุกต่ำกว่า 2 ตัน ส่วนถ้ากระบะที่บรรทุกมากกว่า 2 ตัน จะมีตัวอักษรที่ชื่อว่า Heavy duty หรือจะเป็นยาง Michelin XCD2 ซึ่งจะเป็นรุ่นที่นิยมกันมากที่สุดครับ

            ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นยางสำหรับเพื่อนๆที่ใช้งานทั้งในและนอกถนนครับซึ่งกลุ่มนี้ทางไทร์บิดต้องขอแนะนำว่าเราจะเลือกจากการใช้งานที่หนักที่สุดของยางคือนอกถนนหลวงนะครับ ซึ่งยางประเภทนี้จะมีลักษณะดอกยางเป็นลักษณะก้อนๆเพื่อช่วยในการตะกรุยเพราะหากใช้ยางแบบกลุ่มอื่นๆอาจจะไม่สามารถตะกรุยและขับเคลื่อนได้ดีแถมหากในกรณีที่มีการปั่นล้อฟรีมีโอกาสทำให้ยางเสียหายอีกด้วย อีกอย่างที่สำคัญสำหรับยางกลุ่มนี้ก็จะเป็นในส่วนของเรื่องเนื้อยางที่เหนียวกว่าเพื่อลดการเสียหายเมื่อใช้งานที่นอกถนนหลวงครับ แต่ข้อเสียของยางประเภทนี้อาจจะไม่เหมาะในการขับขี่เร็วๆบนถนนหลวงและจะมีเสียงที่ดังกว่าครับผมตัวอย่างยางเช่น Michelin LTX Force , Bridgestone AT693 , Dunlop AT3 ,Maxxis AT700 เป็นต้น โดยส่วนมากจะมีคำว่า “AT” อยู่ในรุ่นลายดอกยางครับ

            ก็เป็น 4 กลุ่มหลักๆที่อยากแนะนำเพื่อนๆให้เข้าใจเมื่อจะเลือกซื้อยางสักครั้งหนึ่งเพราะหากเราเลือกผิดไม่ตอบโจทย์การใช้งานของเราอาจจะทำให้การลงทุนค่ายาง 10000 – 20000 บาทนั้นอาจไม่คุ้มค่าเท่าที่ควรครับหรือหากต้องการที่ปรึกษาก็สามารถปรึกษาได้ที่ www.tiresbid.com ซึ่งมีทีมงานที่มีความรู้เฉพาะทางในเรื่องยางซึ่งจะให้คำตอบได้ทั้งในเรื่องเทคนิค และ ยี่ห้อรุ่นยางที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้ครับ บทความหน้าติดตามกันต่อนะครับว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องใด ห้ามพลาดเคล็ดลับการเลือกยางกันครับ  

ขอบคุณข้อมูล www.tiresbid.com