ช่วงที่ผ่านมาเราคงจะเห็นหลายบริษัท startup ที่หันมาระดมทุนผ่านการ ICO เราในฐานะนักลงทุนก็คงจะสงสัยว่าแล้วหมดแล้วค่าของ ICO จะสามารถประเมินได้อย่างไรซึ่งในบทความนี้เราจะพยามมาหาคำตอบกันครับ มูลค่าของ ICO ทั้งหลาย นั้นขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างดังต่อไปนี้

1.นักลงทุนที่ซื้อ ICO นั้นไปสามารถนำเอาเหรียญ

หรือ token นั้นเอาไปทำอะไรได้บ้าง สิทธิประโยชน์ที่ได้รับนั้นมีอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่นถ้า token นั้นนั้นสามารถนำไปซื้อสินค้าและบริการในระบบของบริษัทนั้นได้ และสินค้าและบริการนั้นจะเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในอนาคตตัวเหรียญนั้นนั้นก็จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน

2.ทีมผู้วิจัยและพัฒนา

ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จของโครงการนั้นนั้น ถ้าปราศจากทีมและผู้นำที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานในวงการที่บริษัทนั้นแข่งขันอยู่โครงการนั้นก็จะไม่สามารถที่จะสำเร็จได้ ทีมผู้วิจัยและพัฒนาที่ดีจะสามารถพัฒนา product ที่เป็นที่ต้องการของตลาดและมีคุณสมบัติที่ดีกว่าบริษัทของคู่แข่งทำให้ยอดขายและรายได้ของโครงการนั้นนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นที่มาของความต้องการที่จะใช้ token ก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

3.เทคโนโลยี

เทคโนโลยีที่บริษัทกำลังพัฒนานั้นกำลังจะเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นในอนาคตหรือไม่ซึ่งการวิเคราะห์จุดนี้จะต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีและของธุรกิจในวงการนั้นนั้นเป็นอย่างมาก

4.จำนวนผู้ใช้งาน

จำนวนผู้ที่ใช้งานสินค้ารับผลิตภัณฑ์นั้นนั้นมีมากหรือไม่โดยจำนวนนี้หมายถึงทั้งในปัจจุบันและแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วยซึ่งถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากแน่นอนว่ามูลค่าทางการตลาดของสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ซึ่งก็คือเหรียญหรือ token นั้นนั้นก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นนั่นเอง

5.คู่แข่ง

บริษัทอื่นๆที่กำลังพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกันนั้นมีความสามารถมากน้อยเพียงใดที่จะแข่งขันกันนอกจากนี้ถ้ามีคู่แข่งจำนวนรายมากเกินไปก็จะเกิดการตัดราคาทำให้เกิดภาวะการแข่งขันที่จะทำให้กำไรของบริษัทนั้นลดลงทำให้มีโอกาสที่โครงการจะไม่ประสบความสำเร็จก็เป็นไปได้สูง

6.Prototype

หมายถึงตัวอย่างสินค้าหรือบริการที่กำลังจะถูกนำเสนอออกมาในอนาคตนั้นมีการทำตัวอย่างออกมาแล้วหรือยังซึ่งบริษัทที่มีการทำตัวอย่างออกมาแล้วและตัวอย่างนั้นได้รับการรีวิวที่ดีก็จะช่วยเพิ่มมูลราคาของบริษัทได้ในอนาคต

7.Partnership

บริษัทนั้นมีพาร์ทเนอร์ทางการค้าอยู่มากหรือไม่ซึ่งถ้ายิ่งมีมากก็ยิ่งดีและโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นบริษัทใหญ่ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลในวงการให้ความร่วมมือกับโครงการนี้ก็จะยิ่งเป็นข้อดีของโครงการนี้มากขึ้น

8.Hard Cap 

หมายถึงมูลค่าการเสนอขายทั้งหมดของ token นั้นนั้นซึ่งถ้ามีหมดแล้วค่าการเสนอขายที่มากจนเกินไปโดยที่ตลาดรองรับนั้นมีน้อยก็จะทำให้โอกาสที่เหรียญจะโดนเทขายก็มีสูงเหมือนอะไรก็ตามที่มีจำนวนมากจนเกินไปเกินความต้องการก็คงจะมีคนที่อยากขายออกมามากขึ้นนั่นเอง

9.Exchange

มีตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายของ token นั้นนั้นอยู่ หรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นตลาดที่ใหญ่ใหญ่มีปริมาณการซื้อขายเป็นจำนวนมากก็จะช่วยเพิ่มความต้องการของ token นั้นนั้นได้เป็นอย่างดีซึ่งจะทำให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

ทั้งหลายเหล่านี้เป็นประเด็นเบื้องต้นในการพิจารณาราคาของ ICO ซึ่งปัจจัยหลักหลักที่สำคัญมากที่สุดก็คงขึ้นอยู่กับทีมผู้วิจัยและพัฒนานั้นเองเนื่องจากว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่อาจจะดีขึ้นหรือแย่ลงในอนาคตก็ขึ้นอยู่กับทีมผู้บริหารและที่ปรึกษาทั้งหลายที่จะนำพาให้โครงการนั้นนั้นประสบความสำเร็จหรือว่าล้มเหลวได้นั่นเอง

อ่านบทความอื่นๆ คลิก : Cryptocurrency : โอกาสหรือความเสี่ยง ในบรรดาสินทรัพย์ที่ร้อนแรงที่สุดในปี 2017 การเข้ามาของ Bitcoin จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกอย่างไร

ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA.

บทความโดย เทอร์ร่า บีเคเค ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA.

Email : tanapoom@uchicago.edu