หากพูดถึงมหาอำนาจทางเศรษฐกิจมักจะหนีไม่พ้นจีนและอเมริกา โดยเฉพาะ “จีน” ที่มีความสำคัญต่อไทยในแง่การลงทุนและการส่งออก ซึ่งนับจากนี้ไปจะมี "นักธุรกิจจีน" เข้ามาลงทุนในอาเซียนมากขึ้น และไทยก็มีจุดเด่นดึงดูดการลงทุน คือ นโยบายรัฐบาล (BOI) ที่สนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีนิติบุคคล 8 เดือน, การถือครองหุ้น 100% สำหรับการลงทุนเพื่อผลิตส่งออก, การอำนวยความสำดวกในเรื่องวีซ่า เป็นต้น หลังจากนี้คาดว่าเราจะได้เห็นนักธุรกิจและนักลงทุนจากจีนเข้ามาในไทยมากขึ้น

ไทยติดอันดับประเทศที่ “คนจีน” นิยมซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น 180% !!

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “จีน” กลายเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในต่างแดน ไม่ว่าจะในสหรัฐ, แคนาดา, ออสเตรเลีย หรือแม้กระทั่งประเทศไทย ก็กลายเป็น Destination หนึ่งที่จีนเลือกซื้อที่อยู่อาศัยเป็นหลังที่ 2 โดยจะเน้นที่คอนโดมิเนียมเป็นหลัก เพราะเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ชาวต่างชาติซื้อได้ เนื่องจากในเมืองใหญ่ๆของจีน มีนโยบายจำกัดการซื้อบ้านอยู่ อย่างกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ นครกว่างโจว เมืองเซินเจิ้น และเมืองซานย่า ทำให้ชาวจีนเริ่มมองหาที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 และ 3 นอกประเทศ ซึ่ง 10 ประเทศยอดนิยมที่จีนไปซื้อที่อยู่อาศัยนั้นมีดังนี้

  1. สหรัฐอเมริกา
  2. ออสเตรเลีย
  3. แคนาดา
  4. อังกฤษ
  5. นิวซีแลนด์
  6. ไทย
  7. สิงคโปร์
  8. โปรตุเกส
  9. สเปน
  10. มาเลเซีย

(Forbes : Jul 31, 2014)

นอกจากนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับความนิยมจากจีนเพิ่มขึ้นถึง 180% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เรียกได้ว่า มาแรงแซงประเทศ 5 อันดับก่อนหน้าไปอย่างขาดลอย

juwai-china

นักธุรกิจจีนเข้ามาทำงานในไทยมากเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น

เมื่อพูดถึงคนจีนแล้ว หลายคนอาจจะนึกถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย ซึ่งคนไทยเองก็เริ่มมีแง่ลบกับนักท่องเที่ยวจีนเหล่านี้ แต่ถึงอย่างไรประเทศไทยไม่ได้มีแต่นักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น ยังมีนักธุรกิจและนักลงทุนกระเป๋าหนักเข้ามามากขึ้น โดยกลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ที่เข้ามาทำงาน 45% อยู่ในตำแหน่งระดับสูง ระดับอาวุโส บางส่วนที่ไม่ได้ทำงานบริษัทก็จะเป็นอาจารย์สอนในสถาบันภาษาและมหาวิทยาลัยต่างๆ

china_worker-2

จากสถิติของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าวพบว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยมากที่สุดคือชาวญี่ปุ่น และรองลงมาคือชาวจีน แต่ที่น่าสนใจคือ การเข้ามาของนักธุรกิจจีนมีอัตราการเติบโตที่มากขึ้นเรื่อยๆจนแซงหน้าญี่ปุ่น ด้วยการเติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปี ทำให้คาดการณ์ได้ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะได้เห็นนักธุรกิจจีนเข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้น

china_worker

“รัชดา-ห้วยขวาง” ทำเลยอดฮิตนักธุรกิจจีน

ในเมื่อนักธุรกิจจีนเข้ามาในประเทศไทยมากขนาดนี้ แล้วพวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน? โดยหลักๆแล้วการเลือกที่อยู่อาศัยในไทยของนักธุรกิจจีนจะเน้นทำเลที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินเป็นหลัก ซึ่งทำเลยอดฮิตของชาวจีนคือ “สถานีเพชรบุรี-สถานีห้วยขวาง” ดังจะเห็นได้จากโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในย่านรัชดาภิเษก ที่ล้วนแต่รองรับชาวจีนทั้งนั้น ด้วยจุดเด่นหลักๆอย่าง “สถานทูตจีน” ที่เป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดชาวจีน ตามมาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อชาวจีนโดยเฉพาะ โดยที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนก็จะมีอยู่ 3 สถานที่หลักๆ ได้แก่ สถานทูตจีน, ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) และ Duty Free สำหรับทัวร์จีน (ข้างอาคาร Unilever) นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมจาก “เทียนเฉิน” เป็นการร่วมทุนไทย-จีน ถือเป็นโครงการแรกของจีนที่เข้ามาลงทุนในย่านพระราม 9 อันเห็นจากศักยภาพของทำเลที่ได้ผลตอบแทนสูงและเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ (New CBD)

อีกสิ่งที่ช่วยตอกย้ำว่าชาวจีนได้อาศัยอยู่ในทำเลนี้คือ การจับจองห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลรัชดา-ห้วยขวาง โดยเฉพาะแถบพระราม 9 ที่ได้ขึ้นชื่อว่าห้องชุดของแต่ละโครงการล้วนถูกชาวจีนกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมาก ที่เห็นได้ชัดคือโครงการ "เบ็ล แกรนด์ พระราม 9 (Belle Grand Rama 9)" ที่ถูกสถานทูตจีนจับจองไปเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เป็นที่พักอาศัยแก่เจ้าหน้าที่ และอำนวยความสะดวกให้ชาวจีนที่เข้ามาทำงานในไทยได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด

ปัจจุบันย่านนี้เต็มไปด้วยร้านขายของที่มีภาษาจีนกำกับเอาไว้ รวมถึงร้านอาหารจีนที่อยู่ในทำเลนี้มากมาย บ่งบอกถึงปริมาณชาวจีนที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ ทำให้ผู้ประกอบการชาวจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย มักจะเน้นมาที่ทำเล “รัชดา-ห้วยขวาง” ก่อนเป็นหลัก จึงกล่าวได้ว่า “รัชดา-ห้วยขวาง” เป็นทำเลที่มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเข้ามาของมหาอำนาจอย่างจีน ทุกปัจจัยล้วนสนับสนุนทำเลแห่งนี้ให้กลายเป็น New CBD อย่างสมบูรณ์แบบ

map

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก